“พร้อมพงศ์” ชี้ “พล.อ.ประวิตร” คืนเงินเดือน ไม่ช่วยให้พ้นผิดจริยธรรม

รัฐสภา 2 ต.ค.-“พร้อมพงศ์” ชี้ “พล.อ.ประวิตร” คืนเงินเดือน ไม่ช่วยให้พ้นผิดจริยธรรมและกฎหมาย เหตุความผิดสำเร็จแล้ว จี้ลาออกเถอะ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ ออกแถลงข่าว เรื่องการคืนเงินเดือนส.ส. ว่าน่าจะเป็นการแก้เกี้ยว แก้ตัว ออกมารับสารภาพว่ากระทำผิดจริง มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ไม่มีสาระ เหมือนขนมจีนมีแต่เส้นไม่มีน้ำยา และเห็นความไม่พร้อมของการทำงานในพรรคพลังประชารัฐที่หาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคออกมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับพรรคไม่ได้ แต่กลับให้คนที่อยู่นอกสภามาทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แทนที่จะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จึงทำให้เห็นว่าวันนี้ พรรคพลังประชารัฐ ไม่เหลือ ส.ส. ที่จะทำหน้าที่ปกป้องพลเอกประวิตรอีกต่อไปแล้ว


นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า กรณีที่นายไพบูลย์ ออกมาแถลงข่าวยอมรับที่จะแนะนำให้พลเอกประวิตร เดินทางมาทำหน้าที่ในสภามากขึ้น เท่ากับนายไพบูลย์ ยอมรับว่าการประชุมสภาในทุกวันพุธและวันพฤหัส เป็นหน้าที่ของพลเอกประวิตร ซึ่งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ต้องอุทิศตนอุทิศเวลาในการทำหน้าที่ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรมีการประชุมกัน 97 ครั้ง พลเอกประวิตร ขาดประชุมโดยใช้การลาน่าจะเป็นฉากบังหน้า เกือบ 90% ของวันที่มีการประชุมสภา โดยไม่สนกระแสสังคมที่ถามหาความรับผิดชอบ เมื่อพลเอกประวิตร ไม่มีความรับผิดชอบทางการเมืองด้วยการลาออกตามที่ตนร้องขอ แต่เลือกใช้วิธีการไม่รับเงินเดือน และแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินเดือนแทนที่จะมาทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย การเลือกที่จะคืนเงินเดือนหรือ การเลือกที่จะสละเงินเดือนภายหลังการขาดประชุม และภายถูกร้องเรื่องจริยธรรมต่อสภาและคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ทำให้การกระทำซึ่งเป็นความผิดสำเร็จแล้ว กลายเป็นไม่มีความผิด น่าจะเป็นมุขทางกฎหมายตื้นๆ ที่นายไพบูลย์และทีมกฎหมายให้คำปรึกษาใช่หรือไม่ เหมือนแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ แต่งานนี้ตนมองว่า พลเอกประวิตร โดน”ฉมวก”แน่ ถ้าเป็นตนให้คำแนะนำพลเอกประวิตร ตนจะบอกกับพลเอกประวิตร ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” จะมีศักดิ์ศรีและสง่างามสมชายชาติทหาร มากกว่าการเอาเงินมาคืนภายหลังความผิดสำเร็จแล้ว จึงขอเสนอว่า “ลาออกเถอะครับ” เพราะยังเหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งตำแหน่ง

นายพร้อมพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ เรียกร้องให้ สส. ที่ลาประชุมบ่อยๆ ทำตาม พลเอกประวิตร ว่าเป็นการสร้างธรรมเนียมที่น่าจะไร้จริยธรรมใหม่ ยิ่งทำให้ตนแปลกใจใหญ่ว่า นายไพบูลย์ ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นผู้คุมข้อบังคับพรรค กลับไม่เรียกร้องให้ผู้แทนอุทิศเวลาทำหน้าที่ แต่กลับเรียกร้องให้นำกรณีพลเอกประวิตร เป็นตัวอย่าง ตนจึงไม่แปลกใจว่า ถึงคราวแล้วที่พลเอกประวิตร จะมีปัญหาหรือจบเกม เพราะคนใกล้ตัวที่แนะนำในเรื่องที่สภาแห่งนี้ไม่เคยมีใครมีความประพฤติเหมือนพลเอกประวิตร ถ้านายไพบูลย์ คิดได้แค่นี้ ตนขอเสนอให้พลเอกประวิตร ปลดนายไพบูลย์ ออกจากตำแหน่ง เพราะดูจากการแถลงข่าวแล้ว สอบตกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่กล่าวหาตนว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและรับงานแกนนำพรรคการเมืองมาร้องเรียนพลเอกประวิตร ทั้งที่ข้อเท็จจริงตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด และไม่ได้รับงานแกนนำพรรคการเมืองใด หรือไปรับจ้างใครมาร้องเรียนพลเอกประวิตร ตนขอบอกเลยว่า ตนรับงานมาจากประชาชน เพราะประชาชนผู้เสียภาษีร้องเรียนมา ตนจึงต้องมาทำหน้าที่เพื่อประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนแจ้งข่าว เมื่อนายไพบูลย์ฯ แจ้งให้ตรวจสอบพลเอกประวิตรอย่างเต็มที่ ตนก็จะยื่นตรวจสอบพลเอกประวิตร เพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ที่สำนักงาน ป.ป.ช. ในการกระทำผิดกฎหมายและระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่างกรรมต่างวาระกัน โทษถึงจำคุกและปรับตัดสิทธิทางการเมือง ประพฤติผิดต่อจริยธรรม นอกเหนือจากที่ตนได้ยื่นไว้ก่อนหน้านี้แล้ว


“พฤติการณ์แห่งความผิดเป็นลักษณะน่าจะเป็น นักบุญทุนชาวบ้าน ทัวร์อย่างหรู กินอยู่สบาย” นายพร้อมพงษ์ กล่าว

สำหรับกรณีที่พลตำรวจโทปิยะ โฆษกพรรค และนายธีระชัย ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิง หรือเรื่องกองทุนวายุภักษ์ ตนขอแนะนำพลเอกประวิตร หัวหน้าพรรคให้จัด สส. ของพรรคพลังประชารัฐ มาตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบในสภา จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นฝ่ายค้านที่แท้จริง การให้นายธีระชัย ออกมาทำหน้าที่ตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ ดูเหมือนผิดฝาผิดตัว เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง และน่าจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายแค้นมากกว่าฝ่ายค้าน นายธีระชัย ไม่ใช่ สส. ถ้าพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อม สส. ยังมีอยู่ในพรรค ไม่ได้หนีพรรคไปไหน ก็ควรที่นายธีระชัย จะให้ข้อมูลกับ สส. มาตั้งกระทู้ถามในสภา หรือจะให้พลเอกประวิตร ไปตั้งกระทู้เองในสภา จะกล้าหรือไม่

นายพร้อมพงษ์ ยืนยันว่าการตรวจสอบต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นเรื่องดี ประชาชนได้ประโยชน์ แต่สำหรับตน “เรื่องจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” พลเอกประวิตร ขาดประชุมจริง อ้างติดภารกิจ ลาประชุมจริง จนกระทั่งวันนี้ออกมาสารภาพโดยการคืนเงินเดือน และสละเงินเดือนแล้ว แต่ยังไม่สำนึกที่จะอุทิศเวลาทำหน้าที่ วันที่ 3 ตุลาคมนี้ ก็ยังลาประชุมอีก ตนจึงไม่อาจที่จะหยุดการตรวจสอบการทำหน้าที่ของพลเอกประวิตร จนกว่าพลเอกประวิตร จะมีความรับผิดชอบทางการเมือง และในที่สุดพลเอกประวิตร ต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอย่างแน่นอน.-312.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมก่อสร้างรถไฟฟ้า ลึกกว่า 10 ม.

กทม. 19 พ.ค. – เร่งช่วยคนพลัดตกหลุมลึกกว่า 10 ม. โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม เกิดเหตุคนพลัดตกลงไปในหลุมซึ่งกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ใกล้เคียงซอยหลานหลวง 8 ขนาดความลึกประมาณ 15-19 เมตร ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างช่วยเหลือ โดยโรยตัวลงไปช่วยผู้ติดอยู่ภายในหลุม สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่าอุบัติเหตุน่าจะเกิดระหว่างขั้นตอนก่อสร้าง ซึ่งเป็นช่วงที่ดันปลอกเหล็กขึ้นลงเพื่อขุดดินก่อสร้างสถานีหลานหลวง ส่วนสาเหตุที่แน่ชัดต้องตรวจสอบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

คุมตัวกรรมการบริษัท ว. และสหายฯ ส่งศาลฝากขัง

บางซื่อ 19 พ.ค. – ตำรวจคุมตัวกรรมการบริษัท ว. และสหายฯ ไปฝากขังศาลอาญาแล้ว พร้อมคัดค้านประกันตัว ส่วนนิติบุคคลบริษัท ตำรวจปล่อยตัวชั่วคราว ช่วงบ่ายวันนี้ (19 พ.ค.68) พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ควบคุมตัวนายพลเดช กรรมการบริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จำกัด ขึ้นรถตู้ตำรวจไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บรรยากาศระหว่างเจ้าหน้าที่คุมตัวนายพลเดช ออกมาจากห้องสอบสวน บริเวณชั้น 1 ของโรงพัก เจ้าหน้าที่ได้พานายพลเดช เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ก่อนจะพาเดินอ้อมไปอีกฝั่งหนึ่งของโรงพัก แล้วพาเดินลงมาขึ้นรถตู้ของ สน.บางซื่อ โดยระหว่างการควบคุมตัวขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า กังวลหรือไม่เรื่องการยื่นขอประกันตัว และสอบถามอีกว่า ปฏิเสธข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่นายพลเดช ไม่ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด มีสีหน้าค่อนข้างกังวล ก่อนจะขึ้นรถตู้ของ สน.บางซื่อ ขณะที่นายพฤหัส มหาวรรณ ทนายความ เดินตามมาทีหลัง ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่า นายพลเดช ให้การว่าอย่างไรบ้าง ปฏิเสธหรือยอมรับข้อกล่าวหา […]

นายกฯ แพทองธาร เปิดทำเนียบต้อนรับ ปธน.อินโดนีเซีย

ทำเนียบ 19 พ.ค.- นายกฯ แพทองธาร เปิดทำเนียบต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เดินทางเยือนประเทศไทยในรอบ 20 ปี พร้อมสานต่อความสัมพันธ์ 75 ปี ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกันในทุกมิติ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายปราโบโว ซูบียันโต (H.E. Mr. Prabowo Subianto) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในการเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) ในรอบ 20 ปี ในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และนายกรัฐมนตรี เชิญประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลาง ตึกไทยคู่ฟ้า และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึก ณ ห้องสีงาช้าง (ด้านนอก) ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นผู้นำทั้งสอง หารือข้อราชการเต็มคณะ ภายใต้กลไก Leaders’ Consultation ครั้งแรก […]

สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 โต 3.1% ขณะที่ทั้งปีหั่นเหลือ 1.8%

กรุงเทพฯ 19 พ.ค. – สภาพัฒน์ฯ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 โต 3.1% ขณะที่ทั้งปีหั่นเหลือ 1.8% ชี้มองตามสถานการณ์จริงไม่ได้มองในแง่ร้ายเกินไป ลุ้นเงินดิจิทัลเฟส 3 – มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงประชุมวันนี้ พร้อมเตือนผู้ประกอบการฯ เตรียมรองรับความผันผวนทางการค้า ส่วนประชาชนใช้จ่ายให้มีความรอบคอบมากขึ้น นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 1/68 ขยายตัว 3.1% ต่อเนื่องจากร้อยละ 3.3 ในไตรมาส 4/2567 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคเอกชนชะลอลง ขณะที่ภาคเกษตรเร่งขึ้น ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน และรัฐบาล การนำเข้าสินค้าและบริการ และการสะสมทุนถาวรเบื้องต้นชะลอลง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวในเกณฑ์สูง 12.3% โดยเร่งขึ้น 11.5% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 ลงเหลือเติบโต 1.3-2.3% หรือช่วงกลางของคาดการณ์ที่ 1.8% […]