รัฐสภา 13 ก.ค. – “พริษฐ์” ยัน ม.112 ไม่ใช่ล้มล้างการปกครอง หวังสานความสัมพันธ์สถาบัน-ประชาชน ชวน ส.ส.-ส.ว. ตั้งสติโหวต “พิธา” คืนความปกติให้ประเทศ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นชี้แจงข้อกล่าวหาของสมาชิกรัฐสภา ที่ระบุว่านโยบายบางส่วนของพรรคก้าวไกล มีความมุ่งหมายจะล้มล้างการปกครองว่า เดิมทีมาตรา 112 ระบุโทษเกี่ยวกับการให้ร้ายพระมหากษัตริย์ เจตนาที่พรรคก้าวไกลเสนอให้แก้ไข ก็ไม่ต่างจากเจตนาของหลายท่านในรัฐสภาแห่งนี้ คือตั้งใจสานความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์และประชาชน ภายใต้ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จึงต้องแก้ไขเพื่อรักษาสมดุลในสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน มาตรา 112 มีปัญหาเรื่องการบังคับใช้ แต่มีหลายกรณีที่การดำเนินคดีหรือตัดสิน อาจไม่เข้าข่ายการอาฆาตมาดร้าย พรรคก้าวไกลจึงเสนอแก้ไข เพื่อเขียนขอบเขตการบังคับใช้ได้ชัดเจนขึ้น ระหว่างการแสดงออกโดยสุจริต อีกทั้งยังมีอัตราโทษที่รุนแรง ไม่ได้สัดส่วนกับความผิด รวมถึงการเปิดช่องให้ทุกคนสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้นั้นเปิดโอกาสให้ใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะของพระมหากษัตริย์
“การเสนอแก้ไขมาตรา 112 พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีเจตนาจะล้มล้างการปกครอง แต่พยายามเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับหลักสากล ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และข้อกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลไม่เข้าใจระบบการปกครองแบบรัฐสภา ขอให้สมาชิกตั้งสติ คำถามสำคัญในวันนี้ ไม่ใช่การแสดงความเห็นว่ารู้สึกอย่างไรต่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่คือคำถามที่ว่ารัฐสภาจะเคารพเสียงของประชาชนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใด ซึ่งผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ได้แสดงให้เห็นแล้ว แต่ข่าวร้ายคือประเทศเรานั้นไม่ได้อยู่ในสภาวะการเมืองที่เป็นปกติ ซึ่งมีต้นกำเนิดส่วนหนึ่งมาจากมาตรา 272 คือให้ ส.ว. มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี มีส่วนในการแทรกแซงให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย เราจึงต้องคืนความปกติให้ประเทศไทยเดินไปสู่อนาคต ตนเคารพในความเห็นส่วนตัวของ ส.ว. แต่ต้องย้ำว่าหากมีความประสงค์จะคืนความปกติให้กับระบบการเมืองไทย ทางออกนั้นต้องมาใช้การงดออกเสียง หรือการไม่อยู่ในที่ประชุมนี้ แต่คือการให้เสียงเห็นชอบให้พิธา” นายพริษฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย