“พริษฐ์” รอหารือ 3 บุคคลสำคัญ ลุยทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ

รัฐสภา 6 พ.ย.-“พริษฐ์” รอหารือ 3 บุคคลสำคัญ “ปธ.รัฐสภา-นายกฯ-ศาล รธน.” เดินหน้าทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอ ชี้หากไม่บรรจุร่างแก้ รธน. ให้มี ส.ส.ร.จัดทำ รธน.ใหม่ก่อน ก็ไม่สามารถมีรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทันเลือกตั้งครั้งหน้า

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการประชุม ร่วมพ.ร.บ.ประชามติฯ ว่า ว่าไม่ควรใช้เวลานานเพราะประเด็นที่เห็นต่างกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎร กับวุฒิสภามีแค่ประเด็นเดียว คือ เรื่องใช้กติกาเสียงข้างมาก 1 ชั้นหรือ 2 ชั้น นอกจากนี้ หากรัฐบาลยึดแผนเดิม คือการทำประชามติ 3 ครั้ง และจะไม่ทำครั้งแรก จนกว่ามีการแก้พ.ร.บ.ประชามติเสร็จ ตนเกรงว่าจะมีความเป็นไปได้น้อยมาก ที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ถูกจัดทำโดย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป เพราะตามแผนเดิมมีความประสงค์ที่จะให้ประชาติครั้งแรกพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งร่างพ.ร.บ.ประชามติยังไม่สรุปก็มีความเป็นไปได้น้อยมากว่ากรอบเวลาดังกล่าวจะเป็นจริงได้ หนทางเดียวที่จะเราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ถูกจัดทำโดยส.ส.ร. ใช้บังคับก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป คือการลดจำนวนประชามติจาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง ซึ่งพรรคประชาชนก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าหากยึดความจำเป็นทางกฎหมาย 2 ครั้งก็เพียงพอ แต่จะเป็นเช่นนั้นได้จะต้องหารือกับมี 3 บุคคลสำคัญ ซึ่งทางกรรมาธิการพัฒนาการเมืองสภาผู้แทนราษฎรได้ทำหนังสือเพื่อขอหารือแล้ว คือ 1. ประธานรัฐสภานายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ได้มีการตอบกลับมา ให้เข้าหารือในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เพราะความจำเป็นในการเข้าพบประธานรัฐสภาเพื่อชี้แจง ถึงกระบวนการการบรรจุ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับการ มีส.ส.ร.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนได้ยื่นไปตั้งแต่ต้นปี แต่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุในระเบียบวาระ เพราะกังวลว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงหวังว่าการหารือในช่วงปลายเดือนนี้ จะเป็นการคลายข้อกังวลให้กับประธานรัฐสภาว่า การบรรจุร่างดังกล่าวในระเบียบวาระไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หากดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประกอบด้วยก็จะเห็นภาพชัดมากกว่านี้ จึงหวังว่าประธานรัฐสภาจะทบทวนและบรรจุร่างดังกล่าว


นายพริษฐ์ กล่าวว่าบุคคลที่ 2 คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายรัฐบาล หากประธานรัฐสภาบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมร่างดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการลงมติความเห็นชอบของสส.แต่ละพรรคและสว.จึงอยากเข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเพื่อพยายามที่จะเชิญชวนให้ทุกพรรคการเมืองในซีกรัฐบาลเห็นตรงกันถึงแนวทางการทำประชามติ 2 ครั้ง และ พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการ มีส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และขอความร่วมมือสส.ทุกพรรคการเมืองโน้มน้าว ให้สว.ให้ความเห็นชอบด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อวานได้ทราบด้วยวาจาจากคำสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ยินดีให้เราเข้าไปพบ ซึ่งหนังสือขอเข้าพบได้ออกไปเมื่อวันศุกร์ ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และอยู่ในขั้นตอนของสำนักเลขานายกรัฐมนตรีแล้ว

นายพริษฐ์ กล่าวถึงบุคคลสุดท้ายที่อยากหารือคือ ตัวแทนจากศาลรัฐธรรมนูญ แม้ตนเองจะยืนยันว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้ง แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนของทุกฝ่าย ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากศาลรัฐธรรมนูญจะมาขยายความเพิ่มเติมว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หมายถึงขั้นตอนอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ที่สภาผู้แทนราษฎรได้ส่งหนังสือไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องนี้อีกครั้ง แต่ศาลไม่รับไว้ วินิจฉัยโดยบอกว่าคำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ชัดเจนแล้ว ดังนั้นหากมีตัวแทนของศาลรัฐธรรมนูญมาขยายความเรื่องนี้ก็จะเป็นประโยชน์ให้ทุกฝ่ายสบายใจในการเดินหน้าทำประชามติ 2 ครั้ง


เมื่อถามว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญดูเหมือนน.ส.แพทองธารกังวลเรื่องถูกฟ้อง นายพริษฐ์ กล่าวยืนยันว่าการขอเข้าพบ ประธานรัฐสภา นายกฯ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะปิดช่องโหว่ และทำให้นายกฯ คลายกังวลได้

นายพริษฐ์ หวังว่าทั้ง 3 บุคคลที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองสภาผู้แทนราษฎรขอหารือจะสำเร็จได้ภายในเดือนนี้ ส่วนกรณีที่ในการประชุมครั้งแรกของกรรมาธิการร่วม ดูเหมือนเสียงสส.จะแพ้โหวตฝั่งสว.นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้าดูผลการลงมติ เลือกประธานในที่ประชุม ตัวแทนจากทางวุฒิสภาได้คะแนนมากกว่า จำนวนสว. ที่เข้าประชุมในวันนั้นดังนั้นหมายความว่า คงมีกรรมาธิการสัดส่วนสภาผู้แทนราษฎรที่ไปลงมติให้กับทางซีกสว. แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใครเพราะเป็นการลงมติแบบลับ

ส่วนตัวแทนฝั่งสส.ของพรรคภูมิใจไทย มีแนวโน้มว่าจะเห็นด้วยกับการทำ ประชามติ 2 ชั้น ซึ่งเป็นความเห็นเดียวกับทางฝั่งวุฒิสภานั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการคุยในรายละเอียดลงลึกในเนื้อหาแต่ถ้าวิเคราะห์จากการลงมติในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็จะเห็นว่า สส.ทุกพรรคมีการลงมติ ยืนยันร่างของสส. มีเพียงพรรคเดียวที่งดออกเสียง คือพรรคภูมิใจไทยจึงพอจะอนุมานได้ว่าหากจะมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งจะเห็นด้วยกับสว. ก็อาจจะเป็นพรรคภูมิใจไทยแต่จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ต้องพูดคุยกันในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งในวันนี้คงจะได้รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเพิ่มมากขึ้น ตนเองในฐานะกรรมาธิการก็ไปย้อนฟังการอภิปรายของสว.และเชื่อว่าจะสามารถตอบข้อกังวล ของทางฝั่งสว.ได้


ทั้งนี้ หากกรรมาธิการร่วมได้ข้อสรุป ที่สภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบ สภาผู้แทนราษฎรก็สามารถยืนยันร่างของสภาผู้แทนราษฎรได้ เพียงแต่จะต้องบวกเวลาเพิ่มอีก 6 เดือนและหลายคนก็กังวลจะกระทบกับไทม์ไลน์ ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ข้อกังวลเหล่านี้จะหายไป หากเราหันไปใช้กระบวนการที่มีการทำประชามติ 2 ครั้ง ซึ่งใน 6 เดือนตรงนี้จะไม่ส่งผลกระทบกับไทม์ไลน์ดังกล่าว เพราะขั้นตอนแรก ไม่ใช่การจัดทำประชามติเลยแต่เป็นการที่รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับส.ส.ร. ซึ่งกว่าที่รัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ ส.ส.ร.สำเร็จ ข้อสรุปเรื่องพร.บ.ประชามติก็เรียบร้อยแล้ว และ การทำประชามติก็จะไม่ล่าช้าออกไป

ดังนั้น การที่เราหันมาใช้แผนการทำประชามติ 2 ครั้ง ดูน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้เราได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งมากที่สุดและรัฐบาลสามารถที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนได้

“ไม่ได้บอกว่าไม่ให้ความสำคัญกับการประชุมกมธ.ร่วมพ.ร.บ.ประชามติฯ ทำเต็มที่อยู่แล้วแต่จะบอกว่าถ้าเราอยากจะหาช่องทางที่ทำให้เราไม่ต้องมากังวลว่า กระบวนการในการหาข้อสรุปเรื่องพรบประชามติจะใช้เวลาเท่าไหร่คือหันไปใช้แผนการทำประชามติ 2 ครั้งก็จะทำให้เราไม่เจออุปสรรคและไม่เป็นอุปสรรคต่อแผน” นายพริษฐ์กล่าว

ส่วนการไม่บรรจุระเบียบวาระของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก่อนหน้านี้นั้น เหมือนเป็นเครื่องยืนยันว่า ประธานรัฐสภาทำถูกต้องแล้ว นายพริษฐ์ กล่าวว่าไม่เคยมีใครวินิจฉัย ว่าการบรรจุหรือไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระถูกต้องหรือไม่ถูกต้องแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา ว่ารัฐสภามีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่จะต้องมีการทำประชามติ 1 ครั้งก่อนและหลังแต่สิ่งที่แต่ละฝ่าย ตีความกันการทำประชามติ 1 ครั้งก่อนคือก่อนอะไร ซึ่งถ้าเป็นในมุมมองของตนและพรรคเพื่อไทย คือก่อนที่จะมีส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ถ้า เป็นในมุมมองของที่ปรึกษาของประธานสภาไปตีความว่า 1 ครั้งก่อน คือก่อนที่เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขใดๆ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตั้งแต่วาระ 1 จึงทำให้จำนวนการทำประชามติเพิ่มขึ้นอีก 1 ครั้ง นี่คือข้อแตกต่าง ของการตีความคำวินิจฉัยของสารรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าไปดูความเห็นของตุลาการแต่ละคน ส่วนใหญ่เขียนชัดว่าประชามติ 2 ครั้งพอ ก็หวังว่าข้อมูลตรงนี้จะเอากลับมาขยายความละเอียดมากขึ้นและหารือกับประธานสภาเพื่อเห็นว่า การบรรจุร่างดังกล่าวไม่ได้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่ทั้งนี้หากมีการหารือแล้วแต่ยังไม่บรรจุร่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญอีก ตนมองว่าเราคุยด้วยเหตุและผลทางพรรคแกนนำฝ่ายค้านพรรคแกนนำรัฐบาลก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้มาโดยตลอดว่าประชามติ 2 ครั้งเพียงพอแล้ว จึงคิดว่าฉันทามติของทั้งพรรคแกนนำฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลจะชี้ให้ประธานได้เห็น.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]

“หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกแล้ว หลัง “บิ๊กเต่า” เข้าเจรจา

26 ส.ค. – “หลวงพ่ออลงกต” ยอมสึกเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการดำเนินคดีตามกฎหมาย หลัง “บิ๊กเต่า” ร่วมสอบปากคำคดียักยอกเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ พระอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ กล่าวคำลาสิกขา ต่อหน้าพระสงฆ์ หลังถูกคุมตัวมาสอบปากคำที่กองปราบตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา โดยการสอบปากคำ เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณตี 5 จนถึงบ่าย 3 โมง อดีตพระอลงกต ให้ความร่วมมือให้ปากคำแต่ไม่ยอมลาสิกขา กระทั่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เดินทางมาสอบปากคำด้วยตนเอง พร้อมเกลี้ยกล่อมให้อดีตพระอลงกต คิดถึงคุณงามความดี และการทำนุบำรุงพระศานาในอดีต ทำให้เจ้าตัวยอมสึกแต่โดยดี ทั้งนี้ ก่อนทำพิธีลาสิกขา อดีตพระอลงกต ยังได้เทศนาทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้ายนานกว่า 20 นาที โดยระบุว่า รู้สึกมีความสุข ที่ได้มีโอกาสบอกเล่าเรื่องราว ที่จะเป็นการรักษาซึ่งศรัทธาของญาติโยม พุทธศาสนิกชนด้วยเหตุที่ได้ทำงานที่เป็นประโยชน์มากว่า 30 ปี ซึ่งบางครั้ง บางเรื่องมีข้อผิดพลาด อยากให้เข้าใจว่า มันมี 2 ด้าน ทั้งเรื่องทางโลก และทางธรรม ซึ่งทั้ง 2 […]