นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจฟื้น หนุนดัชนีหุ้นสิ้นปีแตะ 1,630 จุด

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – นักวิเคราะห์ คาดเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนดัชนีหุ้นฟื้นสิ้นปีแตะ 1,630 จุด ลดคาดการณ์ GDP ปี66 เหลือ 3.38% จับตาจัดตั้งรัฐบาล-การเมืองในประเทศ-ดอกเบี้ยเฟด-เศรษฐกิจโลก


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 25 บริษัท ต่อมุมมองการลงทุนในครึ่งปีหลังของปี 2566 สรุปได้ดังนี้

โดยส่วนใหญ่ มองว่ามีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้ จาก 83.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาเป็น 80.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2566 จากเดิมที่ 3.50% (เม.ย.66) ลงมาเหลือ 3.38% จากผลสำรวจ Risk Free Rate ที่ใช้ในการประเมินมูลค่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.76% และทางด้านสมมติฐาน Risk Premium ของตลาดที่ใช้ในการประเมินมูลค่า อยู่ที่ 7.12%


สำหรับปัจจัยที่จะมีผลต่อทิศทางการลงทุนตลอดครึ่งหลังปี 2566 มีเพียงปัจจัยเดียว คือ เศรษฐกิจภายในประเทศ 72% ส่วนปัจจัยด้านลบ มาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก 80% รองลงมาด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐมริกา 68% ตามมาด้วยปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ 64% และการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก 60% ถัดไปคือ Fund Flows ไหลออก 59% และปัจจัยการเมืองในประเทศมีผู้มากถึง 55%

ปัจจัยที่ควรจับตามองในไตรมาส 3 ปี 2566 คือ การจัดตั้งรัฐบาล การเมืองในประเทศ ทิศทางดอกเบี้ยของ FED และภาวะเศรษฐกิจโลก

ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีนักวิเคราะห์ถึง 61.54% ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอีก 0.50% รองลงมา 38.46% มองว่าปรับขึ้นเพียง 0.25% และ 36% มองว่าคงที่


ส่วนคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ของตลาดเฉลี่ยที่ 93.21 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 95.77 บาทต่อหุ้น และครั้งนี้คาดการณ์ EPS Growth ของปี 2566 อยู่ที่ 7.61%

ขณะที่คาดการณ์ SET Index ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 มีผู้โหวต 36% ที่คาดว่าจะเป็น Sideways ในขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 32% มองว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกและลบที่เท่ากัน ส่วนคาดการณ์ SET Index ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 1568 จุด

ส่วนมุมมองจากไตรมาสที่ 3 ไปถึงสิ้นปี คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,454 ถึง 1,643 จุด และคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2566 จะปิดที่ 1630 จุด

นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 14.24% กองทุนตราสารหนี้ 22.83% หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 24.87% หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 23.83% กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 6.59% ทองคำหรือกองทุนทองคำ 7.43% อื่นๆ เช่น คริปโต 0.21%

โดยความเห็นต่อการส่งทุนหุ้นต่างประเทศ กองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำกองทุนเทคโนโลยี กองทุนหุ้นจีน และเอเชีย จากการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาปกติอีกครั้ง สำหรับในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก ธนาคาร การแพทย์ และการท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมาดธุรกิจ Finance (non-bank) ปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค

รายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป มีดังนี้ (เรียงชื่อตามอักษรย่อ)

  1. ADVANC มองว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง ส่งผลดีต่อธุรกิจ
  2. AOT โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว
  3. BBL โดยมองว่า มีความเชี่ยวชาญสินเชื่อธุรกิจชนาดใหญ่ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในตลาดนี้ สินเชื่อประเภทนี้แม้จะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนั้น BBL มีสินเชื่อส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว และมีเงินฝากประจำสัดส่วนสูง ซึ่งได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นมากที่สุด ทั้งยังรองรับความเสี่ยงได้มาก จากสัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่มีอยู่ถึง 243% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มธนาคารที่ 171% อยู่มาก
  4. CPALL ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคเพิ่ม นักท่องเที่ยวฟื้นตัว
  5. SCB มองว่าได้ประโชชน์จาก กนง. เปิดช่องขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อหุ้นแบงก์ก็โดยรวม ทั้งราคายัง Laggard กลุ่ม สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเสี่ยง ได้แก่ หุ้น Dela เกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก และกลุ่มหุ้นที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลใหม่

ท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังรัฐบาลใหม่เกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ คุ้มค่ากับผลกระทบทางบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แยกเป็นนโยบายกระตุ้นการลงทุน ด้านการช่ายเหลือภาคธุรกิจ ได้แก่ นโยบายกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ ขยายตลาดสินค้าส่งออก ถัดมา การเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเดิบโตทางเศรษฐกิจ และตามมาด้วย เสนอนโยบายช่วยเหลือกาคประชน ได้แก่ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น ปรับลดภาษีบุคคลธรรมดา มีมาตรการลดค่าครองชีพ แทนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและยกเลิกนโยบายแจกเงิน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ