ดัชนีหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ดัชนีตลาดหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี ตามตลาดหุ้นเอเชีย เหตุนักลงทุนกังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาดการณ์ และกังวลการเมืองในประเทศ
ดัชนีตลาดหุ้นไทยทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี ตามตลาดหุ้นเอเชีย เหตุนักลงทุนกังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาดการณ์ และกังวลการเมืองในประเทศ
นักวิเคราะห์ คาดเศรษฐกิจฟื้นตัว หนุนดัชนีหุ้นฟื้นสิ้นปีแตะ 1,630 จุด ลดคาดการณ์ GDP ปี66 เหลือ 3.38% จับตาจัดตั้งรัฐบาล-การเมืองในประเทศ-ดอกเบี้ยเฟด-เศรษฐกิจโลก
นักวิเคราะห์ชี้ปัจจัยในประเทศหนุนดัชนี สิ้นปีทะลุ 1,707
กรุงเทพฯ 3 เม.ย.-นักวิเคราะห์มั่นใจ ปัจจัยภายในประเทศ การเมือง เลือกตั้ง ดันเศรษฐกิจฟื้น 3.5% หนุน set index สิ้นปีทะลุ 1,707
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน รวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองของการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 2566
สรุปได้ดังนี้
โดยสมมติฐานหลัก มีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้จาก 87.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาเป็น 83.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและลดการคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2566 จากเดิมที่ 3.60 % ลงมาเหลือ 3.50%
อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในปี 2566 ยังได้ผลบวกชัดเจนจาก 3 ปัจจัยหลักคือ เศรษฐกิจภายในประเทศ มีผู้โหวตถึง 92% ,ปัจจัยด้านการเมืองภายในประเทศ มีผู้โหวต 85% รวมถึงผลประกอบการของบจ.ปี 2566 มีผู้โหวต 73%
ส่วนปัจจัยด้านลบมาจากผลกระทบจากธนาคารในสหรัฐอเมริกาล้ม ผู้ตอบทั้งหมดเทคะแนนให้ชัดเจนถึง 96% รองลงมาคือเศรษฐกิจต่างประเทศและการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้ตอบเท่ากันที่ 85%
ส่วนปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาส 2 ผู้ตอบส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งภายในประเทศและการจัดการของเสร็จตอบปัญหาสถาบันการเงินและนโยบายดอกเบี้ย
ด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนงในช่วงเมษายนถึง สิ้นปี 2566 มีนักวิเคราะห์ถึง 61.50% ที่คาดว่าจะคงที่ส่วนที่เหลือมองว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 0.25%
ส่วนด้านการคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 2566 ของตลาดเฉลี่ยที่ 95.77 บาท ปรับลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 105.34 บาทต่อหุ้นและคาดการณ์ EPS Groth ของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 13.02
ด้านการคาดการณ์ Set Index ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 มีผู้โหวต 50% มองว่าเป็นทิศทางบวก
ส่วนคาดว่าจะเป็น side way มีผู้โหวต 30.77% และมองว่าจะเป็นทิศทางลบเพียง 19.23%
ส่วนคาดการณ์ set index ตั้งแต่ไตรมาส 2 จนถึงสิ้นปีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,508 ถึง 1,721 จุดและคาดว่าสิ้นปีจะปิดที่ 1707 จุด
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังได้แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุนแบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 18.6 3% ,กองทุนตราสารหนี้ 14.06%,หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 27.39%,หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 22.92%,กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 7.31%,ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.63% และอื่นๆเช่นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานน้ำมัน 1.06%
สำหรับการลงทุนหุ้นไทยนั้นแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจค้าปลีกท่องเที่ยวเทคโนโลยีสารสนเทศการสื่อสาร พร้อมให้ลดน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจไฟแนนซ์,ปิโตรเคมี,พลังงานและสาธารณูปโภค
ส่วนรายชื่อหุ้นที่มีนักวิเคราะห์แนะนำโดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไปมีดังนี้
1.ADVANCE คาดผลประกอบการปีนี้กลับมาเติบโต หลังจากภาพรวมการแข่งขันลดลง รวมถึงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว
2.AMATA มองว่าผลประกอบการจะเติบโตได้ดีในปีนี้ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาและอุปสงค์แข็งแกร่งจากการย้ายฐานการผลิตจากจีน
3.AOT มองว่าได้ประโยชน์จากจากนักท่องเที่ยวเข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะจีนเปิดประเทศและยังมีแผนการขยายสนามบินในอนาคต
4.BBL รับผลประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้น สินเชื่อโตต่อเนื่องตามภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
5.CPALL ปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวการขยายสาขาหนุนกำไรปีนี้โตต่อเนื่อง
ท้ายที่สุดนักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มการแนะนำไปยังพรรคการเมืองเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจคุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณโดยส่วนใหญ่ระบุถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐที่หนุน ศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจรวมทั้งลดการใช้จ่ายภาครัฐและการกู้เพิ่มและ พร้อมแนะนำให้มีนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชนได้แก่ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น,สนับสนุนการออมเงินและนำกองทุน LTF กลับมา อีกทั้งยังต้องกระตุ้นการจ้างงานในประเทศตามมาด้วยนโยบายกระตุ้นการลงทุน สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หามุมมองใหม่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและขยายตลาดสินค้าไทย.-สำนักข่าวไทย
กรุงเทพฯ 28 มี.ค.-ราคาน้ำมันดิบโลกปิดพุ่งแรง คาดราคาน้ำมันไทยขยับตาม ด้านดัชนีหุ้นรับอานิสงส์ ราคาน้ำมัน-แก้วิกฤต แบงก์สหรัฐ ดีดตัวขึ้นกว่า 10 จุดเช้านี้
การระบาดระลอกใหม่ของโควิด -19 กดดัน SET index ปรับตัวลดลง 4.1% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2564 ยังเติบโตกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในภูมิภาค
ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้า เปิดตลาด บวกเล็กน้อย นักวิเคราะห์ ชี้ การพบคลัสเตอร์โควิด-19 ย่านบางแค กดดันจิตวิทยาของดัชนีหุ้น แต่ภาพใหญ่ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงไปได้ดี
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ เปิดทำการดัชนีลดลง 5.77 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ ล่าสุดดัชนีอยู่ที่ 1,535.46 จุด ลดลง -7.94 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 53,702.30 ล้านบาท
ดัชนีหุ้นไทยปิดพุ่ง 22.47 จุด กลุ่มพลังงาน-ท่องเที่ยว หนุนระหว่างรอถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้
ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งตัวแคบๆ จากแรงขายทำกำไรหลังขึ้นไปเร็ว ยังไม่ผ่าน 1,500 จุด ล่าสุดอยู่ที่ 1,478.73 จุด มูลค่าซื้อขาย 32,372.08 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้า ดัชนีผันผวน รับแรงหนุนจากความหวังการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐวงเงิน1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีหุ้นภาคเช้าปรับลดลง ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ จากปัจจัยลบต่างๆ และการชะลอเข้าลงทุนของกองทุนต่างชาติ
ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ เคลื่อนไหวแดนบวก ตลาดตอบรับ มาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่ประกาศ วานนี้ ทั้งลดค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต การเติมสภาพคล่อง มาตรการเราชนะ และปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นทำให้เกิดการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน