กทม. 34 มิ.ย.-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ตลอด 5 เดือน มุ่ง “เปิดโลก” ผ่านผลงานศิลปินทั่วโลก
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมการจัดงานโครงการแสดงศิลปกรรมร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้แนวคิดหลัก The Open World “เปิดโลก” สร้างการรับรู้ทางศิลปะ ผ่านผลงานของศิลปินทั่วโลก ณ จ. เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึง 30 เมษายน 2567 จัดอย่างต่อเนื่อง 5 เดือน เชื่อมั่นมีผู้เข้าชมหลักล้าน รวมทั้งสร้างมูลค่าให้แก่งานศิลปะร่วมสมัย และมีตัวเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (พะเยา แพร่ น่าน) ถึง 30,000 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า การจัดงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ในแนวคิดหลัก The Open World ได้รับแรงบันดาลใจจาก พระพุทธรูปปางเปิดโลก ที่ประดิษฐาน ณ วัดป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมุ่งสื่อความหมายถึงปัญญา การตื่นรู้ เปิดโลกการรับรู้ทางศิลปะ
ในการจัดงานครั้งนี้ ได้บูรณาการการทำงานและรับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยรูปแบบของงาน ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1. นิทรรศการหลักที่จัดขึ้นโดยทีมภัณฑารักษ์ ในสถานที่ทั่วตัวเมืองอำเภอเชียงราย และอำเภอเชียงแสน 2. pavilion หรือศาลา แสดงผลงานของกลุ่มศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ ในพิพิธภัณฑ์ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย คู่ขนานกับการจัดนิทรรศการหลัก และ 3. Collateral Events เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในช่วงการแสดงงานทั้ง 5 เดือน ช่วงที่จัดงาน Biennale โดยจะเป็นกิจกรรม อาทิ เทศกาลดนตรีชาติพันธุ์ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย งานฉายภาพยนตร์ร่วมกับหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และการแสดงสดอื่น ๆ
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก การจัดงานนี้จะสร้างความเข้มแข็งให้จังหวัดเชียงรายในหลายด้าน ด้านเศรษฐกิจ คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคน และเกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 8,000 อัตรา รวมทั้งเชื่อว่าจะมีเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจของเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน (พะเยา แพร่ น่าน) ถึง 30,000 ล้านบาท ด้านสังคม เชื่อว่าจะเกิดความร่วมมือในชุมชน มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม ตลอดจนพัฒนาขึ้นเป็นเครือข่ายและองค์กรศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติในอนาคต และด้านต่างประเทศ จะเป็นโอกาสเผยแพร่ภาพลักษณ์ พัฒนาความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และเครือข่ายศิลปิน สร้างความเชื่อมั่นในการจัดงานแสดงศิลปะนานาชาติระดับโลกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“นายกรัฐมนตรี ส่งเสริมการจัดงาน Thailand Biennale ถือเป็นความสำเร็จของร่วมกันจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน รัฐ เอกชน และประชาสังคม และการจัดงานที่ผ่านมาเห็นผลสำเร็จ เห็นประโยชน์ที่ส่งถึงประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจต่อชีวิต ความเป็นอยู่ระชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดกลไกความร่วมมือทางสังคมในชุมชน โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณความร่วมมือที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ของประเทศ และชื่นชมศิลปินไทยที่ช่วยกันขับเคลื่อนวงการศิลปะ ให้เข้มแข็ง และมีศักยภาพ เป็นชื่อเสียงของประเทศ” นายอนุชาฯ กล่าว
อนึ่ง โครงการเเสดงศิลปกรรมร่วมสมัยนานาชาติได้จัดงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2018 (พ.ศ. 2561) ได้จัดงาน Thailand Biennale, Krabi 2018ครั้งที่ 1 ณ จังหวัดกระบี่ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 2.6 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 864 ล้านบาท และในปี 2021 (พ.ศ. 2564) ได้จัดงาน Thailand Biennale, Korat 2021 ครั้งที่ 2 ณ จังหวัด นครราชสีมา มีผู้เข้าร่วมเกือบ 2 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 3 พันล้านบาท โดยกระทรวงวัฒนธรรมเชื่อว่า ในครั้งที่ 3 ปี 2023 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคน เป็นโอกาสเผยแพร่ภาพลักษณ์ และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/thailandbiennale .-สำนักข่าวไทย