นายกฯ เปิดงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023

เชียงราย 10 ธ.ค.-นายกฯ เปิดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ (Thailand Biennale, Chiang Rai 2023) สุดยิ่งใหญ่ ศิลปินร่วมสมัยจากทั่วโลกร่วมงานคึกคัก โชว์งานศิลปะต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเยือนจังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้แนวคิด ‘เปิดโลก’ หรือ ‘The Open World’ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) ร่วมกับจังหวัดเชียงราย และภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายสุรพล เกียรติไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ศิลปินเชียงราย ประชาชน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกว่า 2,500 คน ณ หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย Chiang Rai International Art Museum (CIAM) จังหวัดเชียงราย


ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย ชมผลงานของเหล่าศิลปิน และทำพิธีเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ ตระการตาด้วยการแสดง แสง สีเสียง การแนะนำศิลปินและผลงานศิลปะของแต่ละประเทศ พร้อมเยี่ยมชมผลงานและร่วมพูดคุยกับศิลปินจากนานาชาติ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมปีนี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ‘Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันกระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) จังหวัดเชียงราย ตลอดจนองค์กรเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และภัณฑารักษ์ ศิลปินร่วมสมัยชาวไทยและชาวต่างประเทศ ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก 60 คนจาก 21 ประเทศ ที่ได้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมกับเครือข่ายศิลปินเชียงราย ในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โดยใช้พลังของ Soft Power ต่อยอดและยกระดับกิจกรรมงานเทศกาล ประเพณีไทย และศิลปวัฒนธรรมจากระดับประเทศ สู่ระดับระดับโลก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมโครงการ Winter Festival ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ


การเปิดโลกศิลปะ เปิดบ้านเชียงราย ในครั้งนี้จึงเป็น กลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาเชียงรายให้ก้าวสู่เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และก้าวสู่การเป็นเมืองศิลปะระดับโลกอย่างสมดุลและยั่งยืนบนพื้นฐานของความหลากหลายทางศิลปวัฒนธรรมอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนชาวไทยและชาวเชียงรายร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี เปิดบ้านอบอุ่นต้อนรับศิลปินและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาเยือนประเทศไทยของเรา เพื่อชมงานศิลปะร่วมสมัยอันทรงคุณค่า ชมความสวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติ อีกทั้งวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม แวะชิมอาหารท้องถิ่นหลากรส ร่วมเติมเต็มความสดชื่นและสีสัน ร่วมเปิดโลกสู่งานไทยแลนด์ เบียนนาเล่เชียงราย 2023 ไปพร้อมๆ กัน

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์เบียนนาเล่ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมตั้งเป้าผลการจัดงานครั้งนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมชมนิทรรศการมากกว่า 5 ล้านคน เกิดการจ้างงานมากกว่า 8,000 อัตรา ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท ในช่วง 5 เดือนเต็มของการจัดแสดงนิทรรศการ และความสำเร็จของการจัดงาน จะทำให้เชียงราย ไม่เพียงมีความงดงามจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่กว่า 700 ปี ยังมีศักยภาพอันเข้มแข็งของชุมชน ศิลปินเชียงราย ซึ่งมีอาจารย์ถวัลย์ ดัชนีและอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สองศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย เป็นต้นแบบที่ดีในการสร้างสรรค์เมืองเชียงราย เหล่านี้จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองศิลปะ ที่สามารถขับเคลื่อนมิติทางศิลปวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในเวทีโลก

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้งาน Thailand Biennale,Chiang Rai 2023 ขับเคลื่อนเมืองเชียงรายให้มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยสีสันบรรยากาศของงานศิลปะร่วมสมัย ที่ครอบคลุมในทุกมิติ เช่นการเปิดพื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคนิคและแนวคิดในการทำงานระหว่างศิลปินนานาชาติ ศิลปินเชียงราย สล่าและปราชญ์ชาวบ้าน กิจกรรมเสวนาทางวิชาการ มิติการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กิจกรรมเวิร์คชอปและนิทรรศการในพาวิลเลี่ยนต่างๆ ทั้ง 13 พาวิลเลี่ยน ตลอดจนการเปิดบ้านศิลปินมากกว่า 62 แห่ง ในอำเภอต่างๆ ของจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างการรับรู้ และยังเป็นการนำมิติด้านศิลปวัฒนธรรมเชื่อมโยงผู้คนไปสู่การพัฒนาเมืองเชียงรายให้ก้าวไปสู่ชุมชนศิลปะร่วมสมัยซึ่งมีความเป็นพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งในแบบฉบับของเชียงรายอีกด้วย


ด้านผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ คุณฤกษ์ฤทธิ์ ตีระวนิช และคุณกฤติยา กาวีวงศ์ พร้อมด้วยทีมภัณฑารักษ์ อังกฤษ อัจฉริยโสภณ และคุณมนุพร เหลืองอร่าม ย้ำถึงจุดเด่นของงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ ‘Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้แนวคิด เปิดโลก หรือ The Open World ว่า เป็นการเปิดมุมมองใหม่ให้กับวงการศิลปะร่วมสมัย ด้วยการเชื่อมโยงพหุวัฒนธรรมของเชียงรายที่มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 700 ปี นำเสนอผ่านมุมมองของศิลปินอย่างลุ่มลึกด้วยเทคนิคและเนื้อหา ที่เชื้อเชิญให้ผู้ชมร่วมขบคิด และตีความไปด้วยกัน ซึ่งนอกจากการจัดแสดงผลงานในพื้นที่หลักของอำเภอเมือง เช่น อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน พิธภัณฑ์บ้านดำ วัดร่องขุ่น หอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CIAM) พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า โกดังยาสูบ และห้องสมุดรถไฟ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงหลักในอำเภอเมืองแล้ว อำเภอเชียงแสนยังมี ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เชียงแสน วัดป่าสัก ศรีดอนมูลอาร์ตสเปซ ช้างแวร์เฮาส์ โบราณสถานหมายเลข 16 ศูนย์ดิจิทัลชุมชนตำบลเวียงเชียงแสน โรงเรียนบ้านแม่มะ รวมถึงบ้านสวนสมพงษ์ อ.แม่ลาว และพื้นที่กิจกรรมพิเศษ ได้แก่ สิงห์ปาร์คเชียงรายและ มโนรมย์

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Pavillion หรือ ศาลาจัดแสดงผลงาน Collateral Events จำนวน 13 แห่ง กระจายตัวอยู่ตามอำเภอต่าง ๆ เช่นอำเภอเมือง อำเภอแม่ลาวและอำเภอพาน พร้อมด้วยกิจกรรมคู่ขนานอื่นๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมและรายชื่อ ศิลปินทั้ง 60 คนได้จากศูนย์ข้อหอศิลป์ร่วมสมัยเมืองเชียงราย หรือ Chiang Rai International Art Museum (CIAM) วัดร่องขุ่น และเพจ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 /@thailandbiennale และเว็บไซต์ https://www.thailandbiennale.org/ .-612.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]