“เสริมศักดิ์” เผยภูเก็ตได้เป็นเจ้าภาพจัดงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ ครั้งที่ 4 ปี 2025

12 ม.ค. – “เสริมศักดิ์” เผยภูเก็ตได้เป็นเจ้าภาพจัดงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ ครั้งที่ 4 ปี 2025 ชูศิลปะส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยว เสริมสร้างเศรษฐกิจ Soft power และภาพลักษณ์สู่ระดับนานาชาติ


นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับจังหวัดต่าง ๆ ได้จัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือThailand Biannale ต่อเนื่องมาแล้ว 3 ครั้ง โดยคัดเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะนำทุนทางธรรมชาติ ทุนทางวัฒนธรรม รวมถึงทุนด้านอื่นๆ มาต่อยอดจัดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยระดับนานาชาติ เริ่มจากครั้งแรก จัดที่จังหวัดกระบี่ เมื่อปี 2018 ครั้งที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2021 และครั้งที่ 3 กำลังจัดงานที่จังหวัดเชียงราย ในปี 2023 ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากการจัดงานดังกล่าว ก่อให้เกิดผลดีทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และสะท้อนศักยภาพการจัดงานด้านศิลปะร่วมสมัยในเวทีนานาชาติ ขณะนี้มีผู้เข้าชมงาน ประมาณ 245,000 คน หรือ เฉลี่ยประมาณ 7,000 คนต่อวันไม่รวมผู้เข้าชมผ่านระบบออนไลน์

รมว.วธ. กล่าวต่อว่า เพื่อให้การจัดงานมีความต่อเนื่อง รวมทั้งยกระดับการจัดงานให้ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้งานไทยแลนด์เบียนนาเล่ ปรากฏเป็นเทศกาลสำคัญในแผนที่ศิลปะของโลก กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้เชิญชวนให้จังหวัดต่าง ๆ แสดงความประสงค์สมัครเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาคัดเลือกจังหวัดที่มีศักยภาพและมีความพร้อม ประกอบด้วย ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินร่วมสมัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปะ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนทั้งด้านส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านการจัดงานระดับนานาชาติ ด้านการตลาด นักวิชาการด้านศิลปะ ภัณฑารักษ์ รวมทั้งผู้แทนศิลปินที่เคยร่วมงานและร่วมจัดงานใน 3 ครั้งที่ผ่านมาและผู้บริหารสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมเป็นกรรมการด้วย


รมว.วธ. กล่าวตอนท้ายว่า จังหวัดที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale 2025 ครั้งที่ 4 จำนวน 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต (ภาคใต้) นครสวรรค์ (ภาคเหนือ) และประจวบคีรีขันธ์ (ภาคกลาง) โดยคณะกรรมการฯ ได้กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

ส่วนแรกเป็นส่วนข้อมูลศักยภาพความโดดเด่นของจังหวัด รวมถึงผลประโยชน์ด้านการพัฒนาเมืองหากได้รับการคัดเลือก และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพ

ส่วนที่ 2 เป็นการประเมินตนเองตามดัชนีการคัดเลือกเมือง 3 ด้าน คือ มิติด้านพื้นที่ ด้านผู้คน และด้านพลวัตร และส่วนที่ 3 เป็นการพิจารณาองค์ประกอบ หรือศักยภาพความพร้อมอื่น ๆ เช่น ศักยภาพโดยรวม ความพร้อมและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติจริง และประสบการณ์ในการจัดงานระดับนานาชาติ โดยเปิดโอกาสให้ทั้ง 3 จังหวัดนำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมด้วย ซึ่งจังหวัดภูเก็ต มีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอ พร้อมด้วยนางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายกสมาคมศิลป์ภูเก็จ และคณะ จังหวัดนครสวรรค์ มีนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอ พร้อมด้วยนายสันติ คุณาวงศ์ ประธานหอศิลป์นครสวรรค์ และคณะ ส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีนายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นหัวหน้าคณะนำเสนอ พร้อมด้วยนายชาญวิทย์ อุณหสุทธิยานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคณะ


เมื่อคณะกรรมการฯ ได้ร่วมกันพิจารณาข้อมูลและอภิปรายอย่างกว้างขวางแล้ว จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า จังหวัดที่มีศักยภาพและความพร้อมมากที่สุดในการเป็นเจ้าภาพการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale ครั้งที่ 4 ในปี 2025 คือ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากมีศักยภาพโดดเด่น ทั้งด้านธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลก เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการจัดงานพร้อมทุกด้าน มีประสบการณ์จัดงานในระดับนานาชาติมาแล้วหลายงาน รวมถึงผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ในระดับดีทุกด้าน รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมรับเป็นเจ้าภาพและมีข้อมูลความร่วมมือของทุกหน่วยงานในพื้นที่ที่ชัดเจน เป็นรูปธรรมทั้งหน่วยงานภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ศิลปิน และภาคประชาชน ตลอดจนมีการวางแผนงานและงบประมาณรองรับไว้ด้วย ประกอบกับจังหวัดภูเก็ตมีแผนและเป้าหมายที่จะนำศิลปะไปส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยว เสริมสร้างเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์สู่ระดับนานาชาติอยู่แล้ว จึงมีความเชื่อมั่นว่าจังหวัดภูเก็ต น่าจะจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale ครั้งที่ 4 ในปี 2025 จนประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี และสามารถยกระดับการจัดงานเทศกาลศิลปะร่วมสมัยของประเทศไทยให้ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายการส่งเสริม Soft power โดยใช้ศักยภาพด้านศิลปะของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมด้วย โดย สศร. ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต จะเตรียมความพร้อมการจัดงาน และจัดตั้งงบประมาณรองรับการจัดงานต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]