20 กันยายน 2568
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล
ข้อมูลน่าสงสัย :
มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับ Statins ยาลดไขมันเพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตันเผยแพร่ในต่างประเทศ เมื่อมีการอ้างว่ายา Statins นอกจากไม่มีประโยชน์ ยังทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานมากขึ้น

บทสรุป :
1.Statins ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
2.แต่ผู้ใช้ Statins ที่ป่วยเป็นเบาหวาน มักใช้ยาโดสสูงหรือมีภาวะก่อนเป็นเบาหวานอยู่แล้ว
3.ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือมีภาวะก่อนเป็นเบาหวานมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนทั่วไป
4.Statins มีประโยชน์ในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าความเสี่ยงโรคเบาหวาน
FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

ประโยชน์ของยา Statins
ยา Statins เป็นกลุ่มยาที่ใช้ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
แม้คอเลสเตอรอลจะมีความสำคัญต่อร่างกาย ทั้งการผลิตฮอร์โมนและวิตามินดี แต่คอเลสเตอรอลในเลือดที่มากเกินไปจะนำไปสู่การสะสมคราบไขมันหรือพลัคที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแดงอุดตันและนำไปสู่โรคหลอดเลือดแดงแข็งในระยะยาว เมื่อคราบพลัคหลุดออกอาจจะไปอุดตันหลอดเลือดตามอวัยวะสำคัญต่าง ๆ นำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
ยา Statins มีหน้าที่ลดการผลิตเอนไซม์ที่ใช้สังเคราะห์คอเลสเตอรอลในตับ และเพิ่มการสร้างโปรตีนตัวรับคอเลสเตอรอล LDL ที่ตับ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มการผลิต HDL ซึ่งมีหน้าที่ในการลำเลียงคอเลสเตอรอลส่วนเกินไปทำลายที่ตับ ส่งผลให้ระดับ LDL ในเลือดลดลง
แพทย์จึงทำการสั่งจ่ายยาให้กับผู้ป่วยที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงมาก หรือผู้มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือโรคเบาหวาน (การป้องกันปฐมภูมิ) หรือสั่งจ่ายให้กับผู้ที่มีประวัติป่วยด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองเพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่ง (การป้องกันทุติยภูมิ)
ประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ยา Statins ได้รับการยืนยันผ่านงานวิจัยจำนวนมาก จนได้รับการบรรจุอยู่ในรายชื่อยาต้นแบบที่จำเป็นขององค์การอนามัยโลก (WHO) ฉบับล่าสุดของปี 2023 อีกด้วย
โอกาสน้ำตาลในเลือดสูงจากการใช้ยา Statins
มีงานวิจัยบางส่วนที่พบว่าการใช้ยา Statins รบกวนการทำงานของอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) เพิ่มคำเตือนในฉลากยา Statins เรื่องโอกาสที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจากการใช้ยา Statins เมื่อปี 2012
อย่างไรก็ดี ระดับน้ำตาลในเลือดสูงในผู้ป่วยที่ใช้ยา Statins พบได้น้อย และโอกาสที่จะนำไปสู่การป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะเกิดขึ้นเฉพาะผู้ที่ใช้ยา Statins โดสสูง หรือผู้ที่มีภาวะก่อนเป็นเบาหวาน
ภาวะก่อนเป็นเบาหวาน (Prediabetes) คือผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่ยังไม่จัดเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยสมาคมโรคเบาหวานของสหรัฐฯ ประเมินว่า ผู้ที่มีภาวะก่อนเป็นเบาหวานที่อายุมากกว่า 45 ปี จะมีโอกาสพัฒนาเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอีก 10 ปีประมาณ 9-14% หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด
บทความวิชาการที่เผยแพร่ทางวารสาร Canadian Family Physician เมื่อปี 2013 ระบุว่า ในจำนวนผู้ใช้ยา Statins จำนวน 250 ราย จะมี 1 รายที่จะกลายเป็นผู้ป่วยเบาหวานภายใน 5 ปี ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงคือการมีภาวะก่อนเป็นเบาหวานหรือการใช้ยา Statins โดสสูง
แต่กระนั้น แม้ยา Statins จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานที่ 11% แต่ภาวะความดันโลหิตสูงและโรคอ้วน เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานที่ 100% และ 200% ตามลำดับ
นอกจากนี้ การสำรวจการป่วยเป็นโรคเบาหวานระหว่างผู้ใช้ยา Statins และผู้ไม่ใช้ยาพบว่า การใช้ยา Statins ทำให้ผู้ใช้ยาป่วยเป็นโรคเบาหวานเร็วกว่าผู้ไม่ใช้ยาเพียงแค่ 5 สัปดาห์เท่านั้น
รายงานปี 2018 ของสมาคมโรคหัวใจสหรัฐฯ (AHA) พบสัดส่วนการเกิดผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่จากการใช้ยา Statins โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.2% ต่อปี
ซึ่งการที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือมีภาวะก่อนเป็นเบาหวานมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนทั่วไป การใช้ยา Statins ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ จึงมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาลในเลือดเพียงเล็กน้อย
ข้อมูลจาก Cochrane Review รายงานทางการแพทย์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ศึกษาการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุมจำนวน 18 การทดลอง พบว่า
การเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจและความจำเป็นของการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ลดลงอย่างมากในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจที่ใช้ยา Statins
การใช้ยา Statins ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 18 ครั้งจากผู้ใช้ยา 1,000 ราย
งานวิจัย Meta-Analysis ยังพบว่า ผลการตรวจอัลตราซาวนด์ก่อนและหลังการใช้ยา Statins พบว่าคราบไขมันหรือพลัคที่บริเวณผนังหลอดเลือดแดงลดลงอย่างมากหลังการใช้ยา Statins
ข้อมูลอ้างอิง :
https://healthfeedback.org/claimreview/facebook-reel-propagates-vaccine-statin-misinformation-health-book-author-raymond-francis/
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/high-blood-cholesterol/in-depth/statin-side-effects/art-20046013
https://www.cdc.gov/diabetes/diabetes-complications/statins-and-diabetes.html
https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/high-cholesterol/3-myths-about-cholesterol-lowering-statin-drugs
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC3710061/
https://www.thelancet.com/journals/landia/article/PIIS2213-8587(24)00040-8/fulltext
https://www.ahajournals.org/doi/10.1161/JAHA.124.040464
https://fullfact.org/health/cholesterol-PCI-statins/
หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare
สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter