กทม. 21 พ.ค.- กรณีชายสูงอายุคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงคนในครอบครัวได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายยอมจำนน หลังเจ้าหน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ก่อนนำตัวไปสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง
เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่งในซอยจันทน์ 23 เขตยานนาวา ตำรวจ สน.บางโพงพาง และผู้เกี่ยวข้องรุดไปตรวจสอบพร้อมแจ้งเตือนให้ใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากชายคนดังกล่าวถืออาวุธปืนขนาด .38 เดินไปมาอย่างเคร่งเครียด เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธและมอบตัว
น้องชายเล่าว่า ผู้ก่อเหตุเป็นพี่ชายคนโต ช่วงเช้ากินข้าวด้วยกันพร้อมกับหลานตามปกติ แล้วมีปากเสียงกับหลานโดยไม่ทราบสาเหตุ น้องสาวพยายามห้ามปราม ก็ชักปืนยิงใส่อกด้านขวาได้รับบาดเจ็บสาหัส พอตนเองเข้าไปห้ามก็ถูกตบด้วยอาวุธปืนและพูดจาข่มขู่จะยิงให้หมด อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเกลี้ยกล่อม ชายคนดังกล่าวได้ระบายความอัดอั้นกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า กลัวพี่น้องจะโกงหรือแย่งสมบัติ
สุดท้ายสุดชายคนดังกล่าวได้ยอมจำนน หลังเจ้าหน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อมอยู่นานพอสมควร พร้อมนำตัวไปสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ทราบว่าชายคนดังกล่าวอายุประมาณ 80 ปี เป็นทหารเกษียณอายุราชการ
ภายหลังตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ เป็นชายวัยประมาณ 80 ปี หลังใช้อาวุธปืนยิงน้องสาวภายในบ้านพัก ซ.จันทร์ 23/2 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ เบื้องต้นชนวนการก่อเหตุครั้งนี้พบว่าเป็นเรื่องมรดกที่ไม่ลงตัว
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำที่ สน.บางโพงพาง เจ้าตัวมีอาการท่าทีสงบลง ตอบคำถามพร้อมให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนได้เป็นอย่างดี
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เผยอีกว่า ส่วนสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้มาจากปัญหาการจัดการมรดกที่เจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งในข้อเท็จจริง ผู้ก่อเหตุไม่ได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้แต่อย่างใด ก่อนก่อเหตุเข้ามาที่บ้านพักหลังดังกล่าวเพื่อพูดคุยเจรจาเรื่องการจัดสรรมรดก ปรากฏว่าไม่สามารถตกลงกันได้ เกิดการโต้เถียงทะเลาะกันภายในหมู่พี่น้อง ซึ่งเดิมมีพี่น้องทั้งหมด 8 คน เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน เหลือคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพียง 5 คน เมื่อตกลงเจรจาไม่ได้ จึงเกิดบันดาลโทสะก่อเหตุขึ้น
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เผยต่อว่า เหตุการณ์ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์และจบลงได้ด้วยดี เนื่องจากตำรวจใช้ทักษะการเจรจา รับฟังปัญหาของผู้ก่อเหตุ ให้ผู้ก่อเหตุได้มีโอกาสระบายความในใจอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุรับทราบว่ายังมีคนรับฟังเขาอยู่ ซึ่งทักษะนี้ทำให้ผู้ก่อเหตุยอมเปิดใจวางอาวุธปืนและมอบตัวกับพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ที่เป็นน้องสาวของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนสาเหตุอื่นๆ อยู่ระหว่างสอบปากคำ ทั้งนี้ เตรียมส่งผู้ต้องหาไปทำการประเมินสภาพจิตต่อไป
สำหรับข้อหาเบื้องต้น แจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ. – สำนักข่าวไทย