กรุงเทพฯ 26 ก.ย. – สาววัย 28 ปี คลุ้มคลั่งขับรถชนดะ 8 คันรวด หลอนรู้สึกเหมือนมีคนจ้องทำร้ายจึงถือปืนวิ่งออกไปข่มขู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่โดยสารบนรถตุ๊กตุ๊ก ทำนักท่องเที่ยวหนีตายจ้าละหวั่น
น.ส.วิภานี (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ถูกตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ควบคุมตัวพร้อมของกลางอาวุธปืนแบบออโตเมติกขนาด 9 มม. และแม็กกาซีนไม่มีกระสุน บริเวณแยกถนนสาทรเหนือ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม.
สืบเนื่องจากช่วงค่ำวานนี้ (25 ก.ย.) ขณะตำรวจจราจรกำลังอำนวยการจราจรอยู่บริเวณแยกเซ็นต์โย ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่าให้สกัดจับรถยนต์โตโยต้าที่เฉี่ยวชนรถยนต์หลายคันแล้วหลบหนี จึงวิทยุสกัดจับ ก่อนพบรถยนต์คันก่อเหตุอยู่ในสภาพพุ่งเสยบนทางเท้า มีรอยเฉี่ยวชนรอบคัน และด้านขวายังเบียดกับรถแท็กซี่ได้รับความเสียหาย
ผู้ก่อเหตุเป็นหญิงสาวมีอาการคลุ้มคลั่งวิ่งใช้อาวุธปืนข่มขู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 คนที่โดยสารอยู่บนรถตุ๊กตุ๊ก ทำให้โชเฟอร์และนักท่องเที่ยวพากันหนีตายจ้าละหวั่น ประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวแตกตื่นกันทั้งถนน
หลังควบคุมตัว สาวคนดังกล่าวซึ่งอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนตบเข้าหน้าด้านซ้ายของ ส.ต.ท.สถาพร พันธุ์งาม ผบ.หมู่งานจราจร ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจค้นรถผู้ก่อเหตุพบอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม อยู่ใต้เบาะนั่งฝั่งคนขับ และเอกสารโอนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
ผู้ก่อเหตุให้การว่า มีอาชีพขับรถโบลท์ ออกจากบ้านพักย่านถนนราชพฤกษ์ ฝั่งธนบุรี เพื่อไปรับเพื่อนที่หัวลำโพง พอมาถึงหน้าอาคารโครนอส พบรถยนต์ฮอนด้าขับมาจากแยกวิทยุ แล้วกลับรถกะทันหันทำให้ตนหักหลบไม่ทันจึงเฉี่ยวชนท้ายรถด้านซ้าย ก่อนสติหลุด รู้สึกเหมือนถูกกดดัน จึงขับรถไล่ชนรถไปทั่ว กระทั่งรถไปเสยทางเท้า ขับต่อไปไม่ได้ และยังรู้สึกเหมือนมีคนจ้องทำร้าย จึงถืออาวุธปืนวิ่งออกไปข่มขู่คนที่นั่งในรถตุ๊กตุ๊ก แต่ปืนไม่มีลูก เพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่วัน ในราคา 25,000 บาท โดยการโอนลอย และยังไม่ได้ใส่ชื่อตนเป็นผู้ครอบครอง
จากการสอบถามญาติให้การว่า ผู้ก่อเหตุกินยาระงับประสาทก่อนออกจากบ้าน และมีประวัติรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ส่วนรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้มีทั้งหมด 8 คัน
เบื้องต้นถูกตั้งข้อหา “มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต และขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย” ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องรอการสอบปากคำผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย