ทำเนียบฯ 9 พ.ค.-ครม. เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียน ร่วมผลักดันการชำระเงินข้ามพรมแดนซื้อสินค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ตั้งคณะทำงานร่วม ดูเเลภาคค่าเงินให้ยืดหยุ่น หนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาเซียน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคและการส่งเสริมธุรกรรมสกุลเงินท้องถิ่น (ASEAN Leaders’ Declaration on Advancing Regional Payment Connectivity and Promoting Local Currency Transition) โดยผู้นำอาเซียนจะพิจารณาการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 (42nd ASEAN Summit) ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 ณ เมืองลาบวน บาโจ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
โดยร่างปฏิญญาฯ ได้จัดทำขึ้นตามเป้าหมายของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจตามแผนงาน ประชาคมอาเซียน 2568 (AEC Blueprint 2025) เศรษฐกิจอาเซียนรวมกลุ่มอย่างแน่นแฟ้น และแข็งแกร่ง สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงอย่างยั่งยืน รวมถึงมีภาคการเงินที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน และมีเสถียรภาพ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ การผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค หวังส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเพื่อสนับสนุนให้มีการชำระเงินข้ามพรมแดนที่ไร้รอยต่อและปลอดภัย การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเอื้อให้ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนสามารถทำงานร่วมกันได้
การส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเอื้อให้ระบบชำระเงินข้ามพรมแดนสามารถทำงานร่วมกันได้ รวมถึงมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ครม. ยังสนับสนุนการจัดตั้งคณะทำงานด้านการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency Transaction Task Force) การกำกับดูเเลภาคการเงินเพื่อลดความเปราะบางของภูมิภาคต่อความผันผวนจากภายนอก การพิจารณาให้เกณฑ์การเเลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความยืดหยุ่น ช่วยสนับสนุนการค้าการลงทุน เเละสร้างความเเข็งเเกร่งให้กับประเทศในภูมิภาค
ผู้นำอาเซียนมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียนเป็นผู้ดูแลการดำเนินการผลักดันการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาค และพิจารณาแนวทางพัฒนากรอบการส่งเสริมการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินท้องถิ่น โดยให้ประสานกับคณะทำงานของภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า สาระของร่างปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับผู้นำอาเซียนในการส่งเสริมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และส่งเสริมความร่วมมือในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินในภูมิภาคโดยใช้เทคโนโลยี รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสนับสนุนการจัดตั้ง Local Currency Transaction Task Force สนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการทำธุรกรรม อย่างไรก็ดี ร่างปฏิญญาฯ ไม่มีถ้อยคำ ที่ให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่มีการลงนาม ดังนั้น ร่างปฏิญญาฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560.-สำนักข่าวไทย