4 ชาติอาเซียนขอเข้าร่วมสมาชิกกลุ่มบริกส์

คาซาน, 25 ต.ค. – 4 ประเทศที่เป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน รวมถึงไทย สมัครเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของกลุ่มบริกส์ แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเต็มตัว โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและกระจายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลก


มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, เวียดนามและประเทศไทย สี่ประเทศสมาชิกอาเซียน กลายเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ บริกส์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่จะมาถ่วงดุลกับชาติตะวันตก ในการประชุมสุดยอดผู้นำบริกส์วันสุดท้าย ที่เมืองคาซานของรัสเซีย มี 13 ประเทศถูกเพิ่มเป็นพันธมิตรในฐานะประเทศหุ้นส่วน ซึ่งอีก 9 ประเทศที่เหลือ ได้แก่ แอลจีเรีย เบลารุส โบลิเวีย คิวบา คาซัคสถาน ไนจีเรีย ตุรกี ยูกันดา และอุซเบกิสถาน

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 13 ประเทศ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสมบูรณ์ของกลุ่มบริกส์ ที่ตั้งขึ้นในปี 2549 ซึ่งประเทศสมาชิกเริ่มต้นประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ต่อมามีแอฟริกาใต้เข้าร่วมในปี 2553 ขณะที่อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่านและสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หรือยูเออี เข้าเป็นสมาชิกในปีนี้


เศรษฐกิจของสมาชิกกลุ่มบริกส์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณร้อยละ 28 ของเศรษฐกิจโลก

โมฮัมหมัด ฮาซาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าวว่า ขณะนี้มาเลเซียพอใจกับโอกาสทางการค้าที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจากกลุ่มบริกส์มีประชากรรวมกันกว่า 3,200 ล้านคน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียอันวาร์ อิบราฮิม ยืนยันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า มาเลเซียได้สมัครเพื่อขอเข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มบริกส์แล้ว

ในส่วนของประเทศไทยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม


ฮัลมี อัซรี นักวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเมืองอิสระ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอของสิงคโปร์ว่า มีความเป็นไปได้ที่สมาชิกอาเซียนทั้ง 4 ประเทศ ต้องการเพิ่มโอกาสทางการค้าและกระจายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามในยูเครนและตะวันออกกลาง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวต่อที่ประชุมที่จัดขึ้นระหว่างระหว่างวันที่ 22-25 ตุลาคมว่า มีประเทศมากกว่า 30 ชาติแสดงความปรารถนาที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์.-815.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]