กรุงเทพฯ 16 เม.ย.-อดีต รมช.พณ.สงสัยสาเหตุที่ ปปช.สั่งฟ้องสมัยที่ตนเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดย ปปช ชี้มูลกรณีข้าวถุง อตก แจกประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในปี 2555 ผิดปกติเรื่องผ่านมาเป็น 10 ปีถึงมาชี้มูลเรื่องนี้ ทั้งที่ได้แจ้งเหตุผลจ้อเท็จจริงต่างๆไปหมดแล้ว และขอยืนยันตนและผู้เกี่ยวข้องขณะนั้นทำถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายทุกประการ
นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวย้ำทางเฟสบุ๊คถึงญาติมิตรทุกท่านที่แสดงความห่วงใย ตามที่ตนได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัวเกี่ยวกับกรณีที่มีข่าวหลุดหรือข่าวปล่อย โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่าตนและพวกถูก ปปช ชี้มูลกรณีข้าวถุง อตก นั้น ปรากฏว่าญาติมิตรจำนวนมากต่างก็บอกว่าทำให้เข้าใจกรณีดังกล่าวได้ชัดเจนมากจนคลายกังวลไปได้ และตั้งคำถามย้อนกลับไปถึงต้นตอหรือสาเหตุที่ผมและพวกที่ถูกไต่สวนชี้มูล โดยถามว่าทำไม ปปช เพิ่งมาชี้มูลหลังเกิดมูลเหตุกว่า 10 ปี โดยเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2555 และทำไมจึงชี้มูลเฉพาะเลขา กขช และผู้ช่วยเลขา กขช และผู้บริหาร อตก บางคนเท่านั้น
“อะไรคือมูลเหตุการไต่สวนและชี้มูล ตนเองก็ประหลาดใจและมึนงงมาก ผมจึงได้แต่คาดเดาแบบไม่ฟันธง ว่าอาจเป็นไปได้ว่ามี 2 มูลเหตุดังนี้
1 ปปช อาจเพิ่งได้พยานหลักฐาน เช่น เจ้าของโกดังข้าวใหม่ที่สูญเสียรายได้คือค่าเช่าโกดังจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร หรือ อ.ต.ก. โดยอาจมาให้ข้อมูล ปปช เกี่ยวกับคุณภาพข้าวเก่า และเจ้าหน้าที่ อ.ต.ก.ที่ถูกไต่สวน ต้องการหลุดคดี ซึ่งน่าคิดว่าพยานหลักฐานเหล่านี้น่าเชื่อถือหรือไม่
2 อาจเป็นวาระซ่อนเร้นทางการเมืองผสมเรื่องอาฆาตพยาบาทส่วนตัวของ กรรมการ ปปช บางคน(เน้นว่าบางคน ไม่ใช่กรรมการ ปปช ทั้งคณะหรือส่วนใหญ่ อาจมีสาเหตุโกรธเคืองและอาจเข้าใจผิดว่าเลขาและผู้ช่วยเลขา กขช เป็นพวกรัฐบาลเก่าที่เขาเห็นว่าเคยกีดกันหรือเป็นผู้สร้างปัญหาเรื่องคุณสมบัติส่วนตัวของเขาซึ่งเป็นอุปสรรคในการสมัครเข้าสู่ตำแหน่งในองค์กรบางแห่ง โดยจากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ตนอดคิดไม่ได้ว่าเป็นการชี้มูลตามกระแสการเมืองหรือไม่ดังนั้น ตนขอเน้นว่าทั้ง 2 มูลเหตุนี้เป็นเพียงการคาดเดาของตนเองจึงไม่กล้ายืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ “นายยรรยงกล่าว
ทั้งนี้ การอนุมัติให้เปลี่ยนข้าวบรรจุถุงไม่ทำให้รัฐเสียหาย โดยประเด็นที่ตนคิดไม่ออกจริงๆคือ คณะกรรมการไต่สวนของ ปปช ใช้ตรรกะและหลักกฏหมายอะไรมาชี้มูลผมและพวกว่าทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือสังคม เพราะการอนุมัติให้ อ.ต.ก. เปลี่ยนจากข้าวเก่าเป็นข้าวใหม่ไปบรรจุถุงเพื่อสำรองไว้แจกให้ผู้ประสบภัย วิธีปฏิบัติก็ง่ายๆตรงไปตรงมาคือ อ.ต.ก. ไปว่าจ้างให้บรรจุถุง เมื่อบรรจุเสร็จก็ส่งมอบคืนให้ อตก เพื่อให้ผู้มีอำนาจพิจารณาจัดสรรหรือมอบให้หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายการเมือง เช่น สส สว ที่มาขอเบิกไปแจกจ่ายให้ประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งก็มีหลักเกณฑ์กำหนดให้ตามความจำเป็น ดังนั้น ข้าวถุงที่ได้รับอนุมัติให้ อตก หรือ องค์การคลังสินค้า (อคส) ไปบรรจุถุงก็ยังคงเป็นทรัพย์สินของรัฐที่รัฐมีกรรมสิทธิ์โดยให้ อ.ต.ก. และ อคส ครอบครองแทนยังคงมีอยู่อย่างครบถ้วนไม่ได้สูญเสียมูลค่าหรือสูญหายไปไหนหากแต่เพิ่มมูลค่ามากขึ้นเพราะมีการปรับปรุงคุณภาพก่อนบรรจุถุงและการนำข้าวถุงของรัฐไปแจกให้ประชาชนผู้ประสบภัยเป็นหน้าที่หรือภารกิจสำคัญของรัฐ ไม่ใช่การทำธุรกิจที่จะคิดว่าทำให้รัฐขาดทุน จึงไม่มีความเสียหายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ก็ไม่ปรากฏว่ามีกฏหมายหรือระเบียบใดๆที่กำหนดว่าจะต้องนำข้าวหรืออาหารสิ่งของที่ต้นทุนต่ำที่สุดไปแจกให้ผู้ประสบภัย ความจริงแล้วการที่รัฐนำข้าวในสตอกรัฐบาลไปบรรจุถุงเพื่อแจกให้ผู้ประสบภัยก็ยังเป็นประหยัดต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายมากกว่าให้หน่วยงานไปซื้อข้าวถุงและสิ่งของจากเอกชนไปแจกเพราะประหยัดค่าวัตถุดิบซึ่งเป็นต้นทุนหลักชัดๆอยู่แล้ว ดังนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะผิดปรกติหลายส่วนทั้งขั้นตอนการไต่สวน การวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฏหมาย การตั้งคณะกรรมการไต่สวน การเลือกเป้าชี้มูลบางคน และช่วงเวลาชี้มูลในขณะที่การต่อสู้ทางการเมืองกำลังเข้มข้นจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่ากรณีนี้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้กล่าวหาน่าจะถูกวินิจฉัยว่ากระทำผิดตามมาตรา 157 มากกว่ากัน.-สำนักข่าวไทย