ก.พลังงาน หารือคลังหางบฯ กลางลดค่าไฟงวด 2/66

กรุงเทพ 8 เม.ย. – ก.พลังงาน หารือคลังหางบกลางลดค่าไฟงวด 2/66 พบไม่สามารถจัดสรรงบได้ แรงบีบรอบด้าน กฟผ. ใจดียืดหนี้อุดหนุนค่าไฟ 1.5 แสนล้านบาท จาก 2 ปี เป็น 2 ปี 4 เดือน หรือถึงเดือน เม.ย. 68 ช่วยลดค่าไฟงวด 2/66 ลงได้อีกราว 7 สตางค์​ เตือนผู้ถือบัตรสวัสดิการ​แห่งรัฐ หากหวังส่วนลดค่าไฟต้องลงทะเบียนวันนี้


จาก​ปัญหา​ค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ​งวด 2/66 (พ.ค.-ส.ค.) ขยับขึ้นและส่งผลค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั้งระบบอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย กระทบค่าไฟบ้านปรับขึ้น 5 สตางค์ต่อหน่วย จากค่าไฟฟ้างวด 1/66 (ม.ค.-เม.ย. 66) เฉลี่ย4.72 บาทต่อหน่วย

ก่อนหน้านี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์​มีเชาว์ ​รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุรัฐบาลจะจัดหางบกลางฯ มาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ไม่ให้กระทบค่าไฟจะไม่ขยับขึ้น


รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานล่าสุดระบุหารือกับกระทรวงการคลัง ไม่สามารถจัดสรรงบฯ กลางได้ งบฯ มีไม่เพียงพอ เพราะต้องใช้งบสูงถึง 8,000 ล้านบาท โดยในงวด 1/66 ใช้เงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าบ้านกลุ่มนี้ราว 7,500 ล้านบาท ซึ่งตามมติคณะกรรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)​ แบ่งที่มาของเงินอุดหนุนเป็นงบกลาง 3,200 ล้านบาท และงบฯ สนับสนุนจาก บมจ.ปตท. 4,300 ล้านบาท โดย ปตท. ยังไม่ได้ใส่เม็ดเงินสนับสนุน​แต่อย่างใด

ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.)​ ทำหนังสือถึงรัฐบาลขอให้ทบทวนค่าไฟฟ้า โดยดูจากสถานการณ์ราคาพลังงานทั่วโลก ก๊าซธรรมชาติ​เหลว มีแนวโน้มลดลง ดังนั้น การคืนหนี้ค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ออกรับภาระต้นทุนแทนประชาชนตั้งแต่เดือน ก.ย. 64-ธ.ค. 65 รวม 150,268 ล้านบาท ที่จะคืนให้ในระยะเวลา 2 ปี (ม.ค. 66-ธ.ค. 67) นั้นเร็วเกิน จึงเสนอให้เปลี่ยนเป็น 3 ปี จะทำให้ค่าไฟงวด 2/66 ลดลงมาได้บ้าง

ล่าสุดรายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)​ เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือแจ้งจาก กฟผ. ขอทบทวนระยะเวลาการคืนหนี้อุดหนุนค่าไฟฟ้าดังกล่าวจาก 2 ปี เป็น 2 ปี 4 เดือน หรือจากเดิมต้องชำระเสร็จสิ้น เริ่มจากเดือน ม.ค. 66 สิ้นสุดในเดือน ธ.ค. 67 ขยายเวลาเป็นเดือน เม.ย.68 (ข้อเสนอใหม่กำหนดทยอยชำระคืนงวดที่เหลือค้างนับจากสิ้นเดือน เม.ย. 66 เป็น 6 งวด ค่าไฟเอฟทีเฉลี่ยงวดละ 22,000 ล้านบาท จากเดิมกำหนดชำระ 5 งวดๆ ละ 27,000 ล้านบาท) ซึ่งจะช่วยให้ค่าไฟงวด 2/66 ลดลงได้เฉลี่ย 7 สตางค์​ต่อหน่วย หรือค่าไฟเฉลี่ยลดจาก 4.77 บาท เหลือประมาณ 4.70 บาทต่อหน่วย


อย่างไรก็ตาม บอร์ด​ กกพ. ได้หารือเบื้องต้นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะตามระเบียบ กกพ. คือจะไม่ทบทวน​ค่าไฟฟ้าหลังจากมีมติและจัดทำรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนไปเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีค่าไฟฟ้างวดใหม่หาก ครม. ไม่พิจารณาอุดหนุนค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 66 โดยเลือกที่จะอุดหนุนเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการ​แห่งรัฐ 315 บาทต่อเดือน และบอร์ด กกพ. ไม่ทบทวนค่าไฟฟ้าก็จะส่งผลให้คนส่วนใหญ่ของประเทศจ่ายค่าไฟงวดนี้เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพิ่ม 5 สตางค์ต่อหน่วย ตามค่าไฟฟ้าเอฟที
โดยงวดปัจจุบัน (ม.ค.-เม.ย. 66)​ ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ได้ส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้น หากไม่อุดหนุนราคาก็จะขึ้นอีกราว 1.44 ตางค์​ต่อหน่วย ส่วนผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน งวดปัจจุบันได้ส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วย งวดใหม่จะจ่ายเพิ่มอีก 26.44 สตางค์ต่อหน่วย

นอกจากนี้สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (ผู้มีบัตรฯ) ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิค่าไฟฟ้าฟรี, ส่วนที่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าในวงเงินไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน และหากใช้ไฟฟ้าเกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด

ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ประสงค์จะขอรับการสิทธิสนับสนุนค่าไฟฟ้าจะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน โดยกำหนดสิทธิ 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิต่อ 1 รหัสประจำบ้าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กรณีลงทะเบียนสำเร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2566 เวลา 17.00 น. จะได้รับสิทธิเดือนแรก คือ “ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนเมษายน 2566” สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนภายหลังวันและเวลาดังกล่าวจะต้องลงทะเบียนให้สำเร็จภายในวันที่ 8 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือนจึงจะสามารถได้รับสิทธิสำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนนั้นๆ แต่หากลงทะเบียนหลังจากวันที่ 8 เวลา 17.00 น. ของแต่ละเดือน จะได้รับสิทธิสำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนถัดไป (ไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง