กองปราบฯ สอบเข้ม “ชูวิทย์” ปมเงิน 6 ล้าน

กรุงเทพฯ 31 มี.ค. – กองปราบฯ สอบเข้ม “ชูวิทย์” 4 ชม. ปมเงิน 6 ล้าน ยืนยันมีเพียงแค่พลตำรวจโท ป. ที่นำเงินมา ตำรวจจ่อเรียกให้ข้อมูล 4 เม.ย.นี้


ภายหลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง นำเงินใส่พาน จำนวน 6 ล้านบาท มอบให้กองปราบปราม และตำรวจมีการสอบปากคำร่วม 4 ชั่วโมง นายชูวิทย์ ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนส่งมอบเงินทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งเงินก็จะถูกยึดไว้เป็นของกลาง ตำรวจต้องรับไปตรวจสอบว่า ตนรับเงินมาจากใคร คนคนนั้นก็ต้องไปให้การว่า รับเงินจากใครมามอบให้ตน ซึ่งจะต้องเรียกนายพล ป. มาสอบ ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้นัดหมายแล้ว

นายชูวิทย์ ยืนยันว่า ในวันที่มีการนำเงินมามอบให้นั้น มีเพียงแค่พลตำรวจโท ป. ที่นำเงินมา ตนไม่เคยพบบุคคลอื่น ซึ่งพลตำรวจโท ป. บอกว่า เป็นเงินของสารวัตรซัว แต่ตนไม่ได้เจอด้วยตัวเอง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเงินของสารวัตรซัวจริง แต่ยืนยันได้ 100% ว่า ตนไม่เคยเจอ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ซึ่งสามารถตรวจสอบจากข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือได้ ว่าไม่เคยมีการติดต่อสื่อสารกัน


ส่วนสัมภเวสีที่ไม่รู้เรื่องแล้วออกมาพูดก็จะต้องโดนฟ้อง โดยที่นายอัจฉริยะ บอกว่า มีข้อมูลว่า พล.ต.ต.เอกรักษ์ ไปที่โรงแรมเดวิส วันที่ 21 มกราคม 2566 นั้นก็ไม่เป็นความจริง ยิ่งเป็นตอน 23.30 น. ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่ได้อยู่ที่โรงแรมอยู่แล้ว สำหรับในวันนี้ ขั้นตอนของตนกับพนักงานสอบสวน ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามได้สอบปากคำตนอย่างละเอียด รอบคอบ และเงินทั้งหมดก็ได้มอบให้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนี้ก็จะต้องเรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำหาที่มาที่ไป ถ้าพบว่าที่มาของเงินถูกต้อง ก็แค่นำคืนเจ้าของ ส่วนพวกที่ไม่ได้รู้เรื่อง เป็นสัมภเวสี ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แล้วเอามาเล่าเป็นฉากๆ ตนก็อยากถามว่า มาในสถานะไหน ถ้าอยากได้แสง ก็ยอมรับมาตรงๆ และอยากบอกสื่อว่า อย่าตกเป็นเครื่องมือ

ด้าน พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. กล่าวว่า สำหรับเงินที่นายชูวิทย์ นำมาส่งมอบเพื่อตรวจยึดไว้เป็นของกลางนั้น เบื้องต้นได้มีการลงบันทึกประจำวัน พร้อมกับนำไปเก็บรักษาไว้เป็นที่เรียบร้อย ส่วนที่มาที่ไปของเงินนั้นเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานต่างๆ ให้ครบเสียก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ ซึ่งหลังจากนี้จะทยอยเรียกตัวบุคคลต่างๆ ที่มีการพาดพิงถึง มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบุคคลที่ทางพนักงานสอบสวนจะทยอยเชิญตัวมาให้ปากคำหลังจากนี้ เบื้องต้นประกอบด้วย พลตำรวจโท ป. และนายศักดิ์ เจ้าของเงิน โดยนัดหมายมาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ในวันที่ 4 เมษายนนี้. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง