กรมสรรพสามิต 17 ก.พ.-สรรพสามิต เสนอลดภาษีแบตเตอรี่เหลือเหลือร้อยละ 1 หนุนรถยนต์ไฟฟ้าขยายตัว ต้องมีแผนรีไซเคิลดูแลสิ่งแวดล้อม เสนอใช้งบกลาง 24,000 ล้านบาท เข้มเจ้าหน้าที่ห้ามรีดไถ โทษแรงไล่ออก
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวระหว่างงานครบรอบ 91 ปีแห่งการสถาปนากรมสรรพสามิต ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ครั้งล่าสุด เห็นชอบแผนจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแบตเตอรีจากร้อยละ 8 ลดเหลือร้อยละ 1 เพื่อส่งเสริมการผลิตแบตเตอรี รองการการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพราะขณะนี้มียอดจองรถไฟฟ้า 30,000 คัน นับว่าความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเติบโตสูงมาก การลดภาษีแบตเตอร์ให้กับผู้ประกอบการ
กรมสรรพสามิต มีเงื่อนไขว่า ผู้ประกอบการต้องมีแผนรีไซเคิลแบตเตอรีโดยจะติดตั้งระบบติดตามเพื่อจัดทำรีไซเคิล และการทดสอบว่าตอนนี้แบตเตอรีอยู่ที่ไหน แนวทางส่งเสริมทั้งโครงการผลิตแบตเตอรี่ต้องใช้งบกลางสนับสนุนประมาณ 24,000 ล้านบาท เพราะมีหลายหน่วยงานร่วมโครงการ ต้องดูแลสิ่งแวดล้อม การดูแลการผลิตจะเริ่มอุดหนุนในระดับการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ จากแร่ลิเธียม แมงกานีส สารโควบอล์
นายเอกนิติ ยอมรับว่า การลดภาษีสรรพน้ำมันดีเซลช่วงที่ผ่านมา รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านต่อปี ภาษีสรรพสามิตน้ำมันมีสัดส่วนถึงร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อดูแลภาระต้นทุนพลังงานให้กับทุกภาคส่วน ทำให้ยอดเก็บรายได้ภาษีของกรมสรรพสามิตขณะนี้ยังต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ 10 แต่ยังเดินหน้า ใช้เทคโนโลยีมาใช้จัดเก็นภาษีผ่านแสตมป์ออนไลน์ ผู้บริโภคสามารถแสกนด์ QR-Code เพื่อตรวจสอบการเสียภาษีอย่างถูกต้อง โดยไม่มีปัญหาการลอกแสตมป์เดิมมาติดฝาขวด สำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่ จากนั้นจะขยายไปยังเอสเอ็มอีและรายย่อย
สำหรับแนวทางส่งเสริมการผลิตสุราชุมชน เมื่อประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับใหม่ ผ่อนปรนให้การผลิตสุราชุมชนได้สะดวกมากขึ้น เมื่อเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก จะเริ่มขยับเป็นรายกลาง หลังได้ยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียน การกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำ แต่ต้องมีระบบดูแลของเสีย และสิ่งแวดล้อม ต้องอยู่ห่างไกลชุมชน ขณะนี้รายย่อยอยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อยื่นคำขออนุญาติการผลิต โดยเฉพาะชาวบ้านจังหวัดแพร่เตรียมยื่นขออนุญาติจำนวนมาก
นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพสามิตกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม ในการออกตรวจ ควบคุมดูแลสินค้าหนีภาษี ต้องใส่เครื่องแบบ แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เพราะมีการแอบอ้างเกิดขึ้นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใส ป้องกันการเรียกรับผลประโยชน์ เพราะเป็นสิ่งที่กรมสรรพสามิตรับไม่ได้ เนื่องจากกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรอย่างมาก หากพบเจ้าหน้าที่กระทำผิด รีดไถ จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างนั้นจะให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จริง จากนั้น หากพบกระทำความผิดจริง จะตั้งกรรมการสอบวินัย หนักสุดให้ออกจากราชการ หรือสั่งพักงานเอาไว้ก่อน การสั่งปรับต้องมาดำเนินการที่กรมสรรพสามิต และหากมูลค่าเสียหายเกิน 5 หมื่นบาทต้องลงบันทึกประจำวันกับเจ้าที่ตำรวจ แล้วนำมาปรับตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย