กรุงเทพฯ 23 ก.พ. -กรมสรรพสามิตปรับลดอัตราภาษี ไวน์ สุราแช่ และสถานบริการ หวังกระตุ้นการท่องเที่ยวและใช้จ่าย มีผล 23 ก.พ.67 มุ่งจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ
ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต ไวน์ สุราแช่ และสถานบริการในครั้งนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศและภาพลักษณ์การเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว (Tourist Destination) หรือเป็นศูนย์กลาง (Hub) ด้านร้านอาหารและภัตตาคารที่มีคุณภาพ สร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและเสริมจุดแข็งด้านราคาในระดับภูมิภาค นำไปสู่การเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยทุกระดับ และเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้แวะเวียนมาเที่ยวและใช้จ่ายกันได้อย่างยั่งยืน มีผลบังคับใช้ 23 กุมภาพันธ์ 2567 โดยมีรายละเอียดการจัดเก็บอัตราภาษี ดังนี้
ไวน์และฟรุตไวน์
– ไวน์และสปาร์กลิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่น เดิมเก็บภาษีตามมูลค่า ราคาขายปลีกแนะนำเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 1,000 บาท ที่ 0% ปรับเป็นจัดเก็บอัตราเดียวที่ 5% และปรับลดอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ จาก 1,500 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี เหลือ 1,000 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี
– ฟรุตไวน์ หรือสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่น หรือไวน์องุ่น เดิมเก็บภาษีตามมูลค่า ราคาขายปลีกแนะนำเกิน 1,000 บาท ที่ 10% และราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 1,000 บาท ที่ 0% ปรับลดเหลือ 0 % ทั้งหมด และอัตราภาษีตามปริมาณแอลกอฮอล์ เป็นอัตราเดิม 900 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี
สุราแช่
– สุราแช่พื้นเมือง เช่น อุ กะแช่ สาโท ที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 7 ดีกรี เดิมเก็บภาษีตามมูลค่า ที่ 10% ปรับลดเหลือ 0% ขณะที่ภาษีตามปริมาณเก็บในอัตราเท่าเดิม 150 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ที่ 100 ดีกรี
– สุราแช่ที่มีสุรากลั่นผสมและมีแอลกอฮอล์เกิน 7 ดีกรี ให้เก็บภาษีตามมูลค่า ที่ 10% เท่าเดิม และปรับขึ้นภาษีตามปริมาณจากเดิม 150 บาทต่อลิตรที่ 100 ดีกรี เป็น 255 บาทต่อลิตรแอลกอฮอล์ที่ 100 ดีกรี
สถานบริการ
– สถานบริการ หรือหย่อนใจ อาทิ ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับบาร์ ค็อกเทลเลาจน์ ฯลฯ นั้น มีการปรับลดอัตราภาษีจาก 10% เป็น 5% ของรายรับ ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 31 ธันวาคม 2567
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษีอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าสุราแช่นั้น ทำให้ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความเหมาะสม เป็นสากล และช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายในภาพรวมของประเทศ เนื่องจากเป็นมาตรการที่จูงใจด้านราคาเพื่อให้เกิดการบริโภคของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในการใช้จ่ายซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวและใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของการปรับลดอัตราภาษีให้สถานบริการ จะเป็นมาตรการระยะสั้น มีกำหนดเวลา 1 ปี เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการกิจการสถานบริการที่ได้รับผลกระทบจากโควิดได้กลับมาฟื้นตัว และส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น.-515-สำนักข่าวไทย