สงขลา 13 ก.พ. – แม่ร้องลูกสาว ม.2 ถูกครูนาฏศิลป์ทำโทษรุนแรงระหว่างซ้อมรำ เพราะทำไม่ได้ ใช้กระบองหวดน่อง จับมัดมือไพล่หลัง ให้นักเรียนชาย ม.5 ตบหน้า หลังเกิดเหตุครูมาเยี่ยม อ้างเพราะนักเรียนชักสีหน้าใส่ครูจึงถูกทำโทษ แม่เผยแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
แม่อายุ 36 ปี พาลูกสาว ม.2 เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา ระบุว่าลูกสาว ม.2 ถูกครูสอนวิชานาฏศิลป์ใช้ไม้กระบองตีน่อง และจับมัดมือไพล่หลัง ให้นักเรียนชายรุ่นพี่ ม.5 ตบหน้าหลายครั้ง เพราะฝึกท่ารำไม่ได้
น้องฟิว เล่าว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ภายในหอประชุมโรงเรียน ขณะกำลังฝึกซ้อมรำเพื่อเตรียมถ่ายคลิปส่งเข้าประกวด แต่ตนเองรำบางท่าไม่ได้ จึงถูกตีบนเวที ทนไม่ไหวต้องหยุดและร้องไห้ และครูให้รุ่นพี่มาเคลียร์ว่าตนจะเอายังไง จึงตอบไปว่าจะไม่แข่งแล้ว ครูจึงให้ลงจากเวทีและถอดชุด ก่อนเอาไม้กระบองกระบี่ตีขาหลายครั้ง บีบคอ และยังจับมือไพล่หลังให้รุ่นพี่ผู้ชาย ม.5 ตบหน้าหลายครั้งจนหูอื้อ
ด้านแม่ของน้องฟิว บอกว่า หลังจากรู้ว่าลูกสาวถูกครูทำโทษรุนแรงและมีรอยช้ำที่น่อง ได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสงขลา และเอาใบรับรองแพทย์พาไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูคนนี้ให้ถึงที่สุด ถ้าเป็นไปได้อยากให้ออก เพราะตนเป็นแม่ไม่เคยทำโทษลูกรุนแรงแบบนี้
หลังเกิดเหตุครูมาเยี่ยมที่บ้านและบอกว่าสาเหตุที่ทำโทษเพราะลูกสาวชักสีหน้าใส่ครู ที่ผ่านมาลูกสาวเคยถูกครูคนนี้ทำโทษรุนแรงหลายครั้ง บางครั้งก็ปากแตก ตนจะให้ลูกออกจากโรงเรียนนี้แล้ว แต่ครูขอร้องไม่ให้ออก โดยลูกสาวเป็นเด็กกิจกรรม หลังจากนี้จะไม่ให้ลูกสาวกลับไปเรียนที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว
ล่าสุดทีมข่าวประสานไปยังโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงจากครูคู่กรณี แต่ยังไม่สามารถติดต่อครูท่านนี้ได้ โดยบอกแค่ว่า ผอ.ลา และครูคนที่ถูกระบุว่าทำร้ายนักเรียนอยู่ระหว่างพาเด็กไปทัศนศึกษาทางภาคอีสาน ยังไม่กลับ ทางโรงเรียนบอกว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสงขลา เปิดเผยว่า หลังรับแจ้งจะประสานครูท่านนี้มาสอบสวนและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย จากการติดต่อสอบถามไปทางสำนักเขตการการศึกษาเอกชน จ.สงขลา ได้รับการชี้แจงในเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ว่าผู้อำนวยการเขตฯ ทราบเรื่องแล้ว และวันนี้ได้ทำหนังสือส่งไปยัง ผอ.โรงเรียนแห่งนี้ เพื่อให้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบ แต่หากการชี้แจงไม่ตรงกับที่นักเรียนให้การจะมีการนัดไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.รณวิทย์ ชูช่วย สารวัตร (สอบสวน) เจ้าของคดีนี้ เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีเด็กและเยาวชน จะมีการสอบสวนร่วมกันระหว่างทีมสหวิชาชีพ ซึ่งมีทั้งพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ ทนายความ โดยจะสอบปากคำเด็กหญิงที่ได้รับความเสียหายอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย