กรุงเทพฯ 9 ก.พ. – ตร.ไซเบอร์ประชุมร่วมกับ ปปง. หารือมาตรการการยึดทรัพย์และตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่าย “มาเก๊า 888” หลังจากปฏิบัติการตรวจค้นอายัดทรัพย์สินไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท รวมถึงวางแนวทางยึดทรัพย์ 13 ผู้ต้องหา และเครือข่ายที่เป็นบัญชีม้าทั้งหมด
เมื่อเวลาเวลา 10.30 น.วันนี้ (9 ก.พ.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. พร้อมคณะ พนักงานสืบสวนสอบสวน ร่วมประชุมกับนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อหารือถึงมาตรการการยึดทรัพย์ และการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่าย “มาเก๊า 888” หลังจากก่อนหน้านี้มีการเปิดปฏิบัติการตรวจค้น อายัดทรัพย์สิน ทั้งรถหรู คอนโด ของเครือข่ายมาเก๊า 888 ไปแล้ว กว่า 500 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในที่ประชุมมีการหารือเพื่อวางแนวทางการยึดทรัพย์สินของ 13 ผู้ต้องหา ตามหมายจับหลักของตำรวจไซเบอร์ รวมถึงเครือข่ายที่เป็นบัญชีม้าทั้งหมด
ภายหลังประชุม นายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการกองคดี 2 ปปง. เปิดเผยว่าวันนี้มาร่วมประชุมหารือมาตรการนำกฎหมายคดีฟอกเงินมาปรับใช้ ส่วนการยึดอายัดทรัพย์สิน ทาง ปปง.จะเข้ามาช่วยดำเนินการคู่ขนานไปกับการทำงานของตำรวจในการตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่ตำรวจยึดมานั้นเกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานพนันออนไลน์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่มีการตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์จำนวนมาก มีเส้นทางการเงินพัวพันกันหลักหลายพันล้านบาท แต่ในส่วนของมาเก๊า 888 ตามขั้นตอน ต้องรอตำรวจส่งรายการทรัพย์สินมาให้ ปปง. ตรวจสอบ ผ่านคณะกรรมการธุรกรรมตามกฎหมายฟอกเงิน ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผย แต่คาดจะใช้เวลาไม่นาน เพราะที่ผ่านมาตำรวจดำเนินการไปมากพอสมควร ประกอบกับ เบื้องต้นกรณีนี้มีความผิดชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องย้อนหลังไปตั้งแต่บัญชีแรกที่มีการกระทำความผิดสำเร็จ จนไปถึงบัญชีท้ายที่ได้รับผลประโยชน์ และตรวจสอบย้อนกลับไปดูเส้นทางการเงินตั้งแต่ก่อนตั้งเว็บ ระหว่างกระทำความผิด ว่ามีเส้นทางการเงินผิดปกติอย่างไร รวมถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือในการรับทรัพย์สินโดยมิชอบก็เข้าข่ายการฟ้องเงินด้วยเช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่าวันนี้เป็นการประชุมร่วมกับ ปปง. เป็นครั้งแรก เพื่อวางแนวทางการยึดทรัพย์เครือข่ายพนันออนไลน์ มาเก๊า 888 สำหรับกรณีการเตรียมเดินทางไปขอข้อมูลกับ “ดิว อริสรา” ที่ไต้หวันนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างการประสานงานกับ ดิว อริสรา เนื่องจากเขา เป็นผู้ถูกกระทำ ดังนั้นต้องรอว่าเจ้าตัวมีความพร้อมก่อน และคนที่ไปต้องเป็นบุคคลที่คุณดิวไว้ใจ ซึ่งต้องรอเจ้าตัวตอบกลับมาก่อน ส่วนกระแสข่าวเรื่องการออกหมายเรียกดิว มาสอบปากคำยืนยันว่าไม่ได้มีการออกหมายเรียกแต่อย่างใด. -สำนักข่าวไทย