บก.ปปป. 7 ก.พ. – “ชัยวัฒน์” เเจ้งความเอาผิดปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพวก ตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริง เรื่องโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติแก่งกระจาน เชื่อเป็นการกลั่นแกล้งหลังออกมาเปิดเผยพฤติกรรมการเรียกรับสินบนของอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุไม่กังวลการถูกฟ้องกลับ
เวลา 10.00 น. นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เข้าพบ พนักงานสอบสวน กองบังคับการ ป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อแจ้งความดำเนินคดี กับปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ประธาน และคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวม 8 คน ในความความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามาตรา 157 และตาม มาตรา 200 วรรคสอง ถ้ากระทำหรือไม่กระทำนั้น เป็นการที่จะกลั่นแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษจากกรณีกระทรวง มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เอาผิด และเตรียมชี้มูลความผิดตนจากการถูกร้องเรียนว่าไม่มีการปลูกป่าจริงในโครงการ ปลูกป่าเพื่อลดปัญหาอุทกภัยและภาวะโลกร้อนฯ ในพื้นที่ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กว่า 4,200 ไร่ โดยคณะกรรมกานตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่แสวงหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ไม่ขอข้อเท็จจริง ไม่รับฟังคำชี้แจง หรือพยานหลักฐานจากตน และไม่ได้ลงพื้นที่ออกไปตรวจสอบแปลงปลูกป่า แต่กลับจะตั้งคณะกรรมการสอบวินับร้ายแรง และสอบละเมิด ตนโดยไม่เป็นธรรม ซึ่งในข้อเท็จจริงโครงการปลูกป่าดังกล่าวได้มีการดำเนินการจริงถูกต้องตามระเบียบกฎหมายและสัญญาจ้างทุกประการจึงไม่เป็นความจริงตามที่ตนถูกกล่าวหาแต่อย่างใด โดยพฤติการณ์ของคณะกรรมการและปลัด เป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ละเว้นการ สอบสวนหาข้อเท็จจริง กลับมีอคติและเจตนากลั่นแกล้งให้ได้รับโทษทั้ง ๆ ที่ไม่มีมูลความผิด กระทั่งเมื่อตัวเองออกมาเปิดโปงการเรียกรับสินบน ของอดีตอธิบดีกรมอุทยานเมื่อไม่นานนี้ ทำให้เรื่องของการตั้งคณะกรรมการสอบถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้งและทราบว่าจะมีการชี้มูลความผิดในเร็ว ๆ นี้ตัวเองจึงมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เพื่อเอาผิดคณะกรรมการดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังแจ้งความดำเนินคดีกับประธานและคณะกรรมการ ป.ป.ท รวม 12 คน ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามาตรา 157 จากกรณีก่อนหน้านี้ได้มีการชี้มูลความผิดตน จากกรณีกล่าวหาตนเผาบ้านกะเหรี่ยงบางกลอย และคดีบิลลี่ เป็นเหตุทำให้ถูกออกจากราชการ แต่ภายหลังได้ต่อสู้ยื่นศาลปกครองเพชรบุรี ทำให้ได้โอกาสกลับเข้ามารับราชการอีกครั้ง ทั้งนี้ มองว่าการชี้มูลของคณะกรรมการดังกล่าว ไม่แสวงหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนรอบด้าน จนเป็นเหตุให้ตัวเองได้รับความเสียหายต่อตำแหน่งคณะที่ราชการ ซึ่งภายหลังศาลจังหวัดเพชรบุรีมีคำสั่งคุ้มครองตนเองได้กลับเข้ามารับราชการอีกครั้งจึงกลับมาฟ้องแจ้งความเอาผิดคณะกรรมการชุดนี้
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า การกระทำของผู้บริหารกระทรวง ฯลฯ ทำให้รู้สึกว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนตัวเชื่อส่วนหนึ่งมาจากการที่ตนออกมาร้องเรียนแทนลูกน้องเกี่ยวกับการเรียกรับสินบนของอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่หลังปีใหม่ก็ยังมีการเรียกรับสินบนอย่างต่อเนื่องจากบุคคลใกล้ชิด ซึ่งตัวเองมีหลักฐานและพร้อมที่จะเปิดเผยต่อสื่อมวลชนในภายหลังรวมถึงการออกมาเปิดเผยข้อมูลข่าว พร้อมได้ตั้งคำถามถึงผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่าการที่ตัวเองออกมาตีแผ่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเรียกรับสินบนในกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแต่ทำไมผู้บริหารจึงต้องเดือดร้อนในเรื่องนี้ โดยกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้จะมีการออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง และเป็นข่าวใหญ่ที่สังคมต้องได้รับรู้ ขณะที่ตัวเองพร้อมเดินหน้าแก้ไขปัญหาการรับสินบนในองค์กรอย่างจริงจัง ซึ่งหวังว่าอธิบดีคนใหม่ จะแก้ปัญการการทุจริตในหน่วยงานอย่างจริงจัง. -สำนักข่าวไทย