31 ม.ค. – เชลซี ใกล้คว้าตัว เอ็นโซ เฟร์นานเดซ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติของอังกฤษถึง 120 ล้านยูโร ส่วนบาเยิร์น มิวนิค คว้าตัว เจา คันเซโล ไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว
“ทีมสิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การบริหารของ ทอดด์ โบห์ลี นักธุรกิจชาวอเมริกัน ได้ทำการยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้กับ เบนฟิกา เพื่อคว้าตัว เอ็นโซ เฟร์นานเดซ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์โลก 2022 และรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ มาร่วมทีม ด้วยราคา 120 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,320 ล้านบาท ก่อนที่ตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวจะปิดลงในวันอังคารนี้ หรือช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย หากเชลซีปิดดีลนี้ได้สำเร็จ จะทำลายสถิติที่แมนฯ ซิตี้ คว้าตัว แจ็ค กรีลิช จากแอสตัน วิลล่า ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 113 ล้านยูโร เมื่อปี 2021
“ทีมเสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ในศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี คว้าตัว เจา คันเซโล ฟูลแบ็กทีมชาติโปรตุเกส วัย 28 ปี จากทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ด้วยสัญญายืมตัวมาร่วมทีมจนจบฤดูกาลนี้ พร้อมด้วยออปชั่นซื้อขาด 70 ล้านยูโร หรือประมาณ 2,520 ล้านบาท โดย เป๊ป กวาร์ดิโอลา กุนซือของซิตี้ คว้าตัว คันเซโล่ มาจาก ทีมม้าลาย ยูเวนตุสในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เมื่อปี 2019 และลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอังกฤษไปแล้ว 98 นัด และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย แต่หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เขาได้ลงสนามเพียงแค่ 3 นัด
“ทีมยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ยืมตัว เวสตัน แม็คเคนนี กองกลางชาวอเมริกันวัย 24 ปีจากทีม “ม้าลาย” ยูเวนตุส ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มาใช้งานในถิ่นเอลแลนด์โร้ดจนจบฤดูกาลด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ โดยมีออปชั่นซื้อขาดช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัว 33 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,188 ล้านบาท สำหรับแม็คเคนนี เริ่มต้นการค้าแข้งกับชาลเก้ 04 ในเยอรมนี ลงเล่น 91 นัดรวมทุกรายการ กลายเป็นนักเตะอเมริกันคนแรกที่เซ็นสัญญากับยูเวนตุส ในปี 2020 และลงเล่นให้ยูเว่ไปแล้ว 96 นัด รวมทุกรายการ ยิงได้ 13 ประตู และทำให้แม็คเคนนี เป็นนักเตะทีมชาติสหรัฐคนที่ 3 ที่ย้ายมาอยู่กับลีดส์ ต่อจาก ไทเลอร์ อดัมส์ และเบรนเดน แอรอนสัน
ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงิน เอฟเวอร์ตัน ประกาศแต่งตั้ง ฌอน ไดซ์ ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทน แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่เพิ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยฌอน ไดซ์ วัย 51 ปี ที่ถูกปลดจากการคุมทีมเบิร์นลีย์ เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว เซ็นสัญญาคุมทีมในถิ่น กูดิสัน ปาร์ก เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง จนถึงเดือนมิถุนายนปี 2025 โดยจะคุมทีมลงสนามนัดแรกในศึกพรีเมียร์ลีก พบทีมปืนใหญ่ อาร์เซนอล จ่าฝูงในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ภารกิจสำคัญของ ฌอน ไดซ์ คือการพาเอฟเวอร์ตันที่โลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของอังกฤษมายาวนานถึง 69 ปี หนีตกชั้นให้ได้ จากสถานการณ์ล่าสุดในลีกรั้งอันดับ 19 หรือรองบ๊วยของตาราง มี 15 แต้ม จาก 20 นัดเท่ากับ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมบ๊วยของตาราง. – สำนักข่าวไทย