กรุงเทพฯ 26 ม.ค. – ฟรุ้ทบอร์ดเผย จะมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการตู้และขบวนรถไฟ”จีน-ลาว”รองรับฤดูกาลผลไม้ ปี 2566 รวมถึงโครงการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพตามนโยบายของรัฐมนตรีเกษตร
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานการประชุมคณะกรรมการ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการเตรียมความพร้อมในการใช้เส้นทางรถไฟจีน – ลาว ซึ่งเป็นโอกาสของฝ่ายไทยและขยายเส้นทางการขนส่งทางรางเพื่อเพิ่มศักยภาพการนำเข้า – ส่งออกสินค้าไปจีนและผ่านจีนไปยังสหภาพยุโรปผ่านเส้นทางตะวันออกกลาง และเอเซียกลาง ซึ่งมีการดำเนินการ ดังนี้
- (1) การจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการตู้และขบวนรถไฟ มีหน้าที่ในการรับจองตู้และขบวนรถไฟ เพื่อรองรับฤดูกาลผลไม้ ปี 2566 โดยความร่วมมือภาคีเครือข่ายภาคเอกชน โดยประสานงานกับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย
- (2) การปรังปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟ ไทย – จีน -ลาว รวมไปถึงการขยายเส้นทางขนส่งสินค้าผ่านจีนไปสู่ภูมิภาคอื่น
- (3) เร่งรัดการเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุนสำหรับระบบตรวจสอบ รวมไปถึงอุปกรณ์วิทยาศาสตร์และโครงการพื้นฐานของด่านส่งออกที่สำคัญ เช่น ด่านมุกดาหาร ด่านนครพนม และด่านหนองคาย (4) ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การขนส่งสินค้าเกษตรจากประเทศไทยสร้างการรับรู้ ข้อปฏิบัติ ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟไทย – จีน – ลาว ในระดับพื้นที่ควบคู่ไปด้วย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2564/2565 ซึ่งรอบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี รวมถึงความก้าวหน้าโครงการพัฒนาลำไยอย่างยั่งยืน ปี 2566 – 2568 ซึ่งคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรฝ่ายเลขาฯ ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแนวทางหรือโครงการนำร่องการแก้ไขปัญหาผลผลิตลำไยอย่างยั่งยืนระยะยาว โดยการปรับโครงสร้างการผลิตลำไยในฤดู และนอกฤดู ให้เท่ากับร้อยละ 60 : 40 ภายในปี 2567 เพื่อให้ลำไยมีการกระจายการผลิตได้ทั้งปี ผลผลิตในฤดูไม่ซ้อนทับกันมาก เป็นทางเลือกให้แก่ตลาดได้ทุกฤดูกาล/ทุกเทศกาล ที่ต้องการลำไย โดยในฤดูกาลปกติจะลดภาวะ over supply ลงได้ร้อยละ 10 แต่ประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรไม่ลดลง
นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ ปี 2566” ที่นำเสนอโดยคณะทำงานแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพและการสวมสิทธิ์ใช้ใบรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ของเกษตรกรเพื่อการส่งออกทุเรียนของประเทศไทย ซึ่ง”โครงการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ ปี 2566” เป็นนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญการควบคุมและป้องกันทุเรียนอ่อนทุเรียนด้อยคุณภาพเพื่อให้ผลผลิตทุเรียนที่จะทำการส่งออกต้องได้คุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานการส่งออกที่กำหนด โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ 904/2565 แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพและการสวมสิทธิ์ใช้ใบรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ของเกษตรกรเพื่อการส่งออกทุเรียนของประเทศไทย มีหน้าที่ ศึกษา วิเคราะห์ และเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา และได้จัดทำแผนงานการขับเคลื่อนคณะทำงานฯ ด้วยงบประมาณรวม 71.44 ล้านบาท โดยมอบหมาย กรมส่งเสริมการเกษตร บูรณาการในพื้นที่สวนทุเรียน จัดตั้งจุดบริการตรวจเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน ในพื้นที่ 5 จังหวัด รวม 68 จุด ได้แก่ จันทบุรี(40 จุด) ตราด(7 จุด) ระยอง(6จุด) ชุมพร(10 จุด) นครศรีธรรมราช (5 จุด) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานจากกรมประมงและกรมปศุสัตว์ รวม 100 ท่าน ลงพื้นที่ตรวจรายแปลง และกรมวิชาการเกษตร มีหน้าที่ ตรวจสอบ โรงคัดบรรจุ (ล้ง) ทุเรียนที่นำมาส่งที่ล้งจะต้องมีใบรับรองผลการตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน ก่อนจะส่งไปตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ ในการส่งออกไปยังประเทศจีน นั้น กรมวิชาการเกษตร จะตรวจสอบทุเรียน – สวนทุเรียนต้องได้รับการรับรอง GAP – โรงคัดบรรจุต้องได้รับการรับรอง GMP – ผลผลิตทุเรียนต้องเป็นไปตาม มกษ 3-2556 ก่อนปิดตู้คอนเทนเนอร์ นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตร จะได้มีการปรับปรุงการตรวจสอบมาตรฐาน GAP และ GMP และแจ้งให้ทางตลาดจีนทราบในทุกไตรมาสของปีการส่งออก.-สำนักข่าวไทย