ทำเนียบรัฐบาล 23 ม.ค.-3 ป.ปิดห้องคุยก่อนประชุม สมช. ขณะ “พล.อ.ประยุทธ์” งดแถลงผลประชุม ส่วน “พล.อ.ประวิตร” บ่นสื่อกล่าวหาปาดหน้านายกฯ ที่เยาวราช บอกไปทำบุญประจำอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 1/2566 โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง และเมื่อเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถือเอกสารผลการประชุมเดินลงมาที่โพเดียมแถลงข่าว พร้อมวางเอกสารบนโพเดียม และกล่าวกับสื่อมวลชนว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทุกอย่างเป็นไปตามเอกสารแถลงข่าว พร้อมเคาะลงบนโพเดียม ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ และสั่งให้เจ้าหน้าที่ปิดรถ ไม่ลดกระจกลงมาเหมือนทุกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ มาถึงคนแรก ตามด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยเข้าห้องรับรองอยู่ด้วยกันเพียง 3 คน และใช้เวลา 5 นาที ซึ่งทันทีที่ พล.อ.ประวิตร มาถึงได้บ่นกับคณะที่มารอรับว่า “ไปหาว่าเราปาดหน้านายกฯ ไม่ใช่ เราไปไหว้พระที่มูลนิธิเทียนฟ้าเป็นประจำ ทำบุญมาตลอดอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม พล.อ.ประวิตร ได้ออกจากห้องประชุมเป็นคนแรก และเดินทางกลับทันที ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ ออกจากห้องประชุมในเวลาไล่เลี่ยกัน
สำหรับผลการประชุม สมช. ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานด้านความมั่นคง 3 เรื่อง คือ 1. ผลการดำเนินงานในการรักษาความมั่นคงประจำปี 2565 รวมทั้งแผนบูรณาการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง พ.ศ. 2566-2570 2. ผลการฝึกการบริหารวิกฤติระดับชาติ ประจำปี 2565 และ 3. ความคืบหน้าการเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่างแผนรองรับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่งคงแห่งชาติ ประกอบด้วย ร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง พ.ศ. 2566-2570 ร่างแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการก่อการร้าย พ.ศ. 2566 -2570 และร่างแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริการวิกฤติ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเร่งรัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกระทรวงมหาดไทย บูรณาการงานร่วมกัน พร้อมกำชับให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ยุติธรรม เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่จะเกิดกับประชาชนและการพัฒนาพื้นที่.-สำนักข่าวไทย