กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สั่งนักวิจัยตรวจสอบสารสีฟ้าบนใบต้นหอม เบื้องต้นคาด เป็นสารป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ เร่งแนะนำเกษตรกรถึงการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างถูกต้องในปริมาณเหมาะสม
นายระพีพัฒน์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืชและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรปทุมธานีไปที่ตลาดสี่มุมเมืองเพื่อตรวจสอบแผงค้า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปเตือนภัยให้ระวังอันตรายต้นหอมมีผงสีฟ้าอยู่บนต้นโดยเมื่อเอามือลูบแล้วมีสีฟ้าก็ติดตามมือมาด้วย โดยนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ห่วงใยผู้บริโภค จึงให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวและรายงานให้ทราบโดยเร็ว
ทั้งนี้แผงค้าที่รับสินค้าเกษตรมาจากหลากหลายจังหวัดซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สุ่มเก็บตัวอย่างต้นหอมส่งตรวจวิเคราะห์สารตกค้างในห้องปฏิบัติการด้วยเครื่อง GC-MS และเครื่อง Atomic Absorption Spectrometer (AAS) ซึ่งมีผลการตรวจที่แม่นยำของกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและห้องปฏิบัติการของสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จ.ชัยนาท เพื่อยืนยันชนิดสารและปริมาณสารตกค้างว่า เกินค่ามาตรฐานที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่ คาดว่า จะทราบผลการตรวจวิเคราะห์ภายในห้องปฏิบัติการของกรมวิชาการเกษตรทั้ง 2 แห่งภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน
เบื้องต้นคาดว่า สารเคมีที่เกษตรกรนำไปใช้ในการป้องกันกำจัดโรคใบไหม้ในต้นหอมคือแมนโคเซบ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรมีคำแนะนำในการใช้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ คือ การพ่นผสมในถัง 200 ลิตร ใช้ปั๊มพ่น ที่ละ 3 ร่อง 6 หัวฉีด และเกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวหลังการฉีดพ่นสารไปแล้ว 15 วัน ก่อนนำไปจำหน่ายต้องล้างคราบของสารแมนโคเซบออกให้หมด รวมถึงผู้บริโภคก็ต้องล้างออกอีกครั้งก่อนนำไปรับประทาน ซึ่งหากเกษตรกรใช้สารแมนโคเซบตามคำแนะนำฉลากข้างบรรจุภัณฑ์และปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวตามคำแนะนำดังกล่าวผลผลิตจะมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
นอกจากนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในส่วนภูมิภาคให้ความรู้และสร้างความเข้าใจการใช้สารเคมีเพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชที่ถูกต้องตามหลักวิชาการให้แก่เกษตรกร ซึ่งหากเกษตรกรปฏิบัติตามจะไม่เกิดปัญหาสารคกค้างในผลผลิตตามนโยบายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยทั้งมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ พร้อมกันนี้จะประสานให้กระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบการร้านค้าจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรร่วมกันให้ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย.-สำนักข่าวไทย