กรุงเทพฯ 9 ม.ค.-เงินบาทแข็งค่าไปทดสอบแนว 33.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 9 เดือน ในช่วงเช้าวันนี้ (9 ม.ค.66 เวลา 09.40 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 34.05 บาท/ดอลลาร์ฯ
น.ส.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทยังแข็งค่าขึ้นตามสัญญาณซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ยังคงเผชิญแรงเทขายทั้งเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินสกุลหลัก หลังจากข้อมูลค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% (ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 0.4% และน้อยกว่า 0.6% ในเดือน พ.ย.) ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดมีความเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 25 bps. ในการประชุมรอบแรกของปีนี้ ในช่วงปลายเดือนนี้ (31 ม.ค.-1 ก.พ.66)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ (9 ม.ค.66) คาดไว้ที่ 33.50-33.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ การเคลื่อนไหวของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมของผู้บริโภคเดือน ธ.ค.
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.50-34.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังการเติบโตของค่าจ้างในสหรัฐชะลอลงมากกว่าคาด ทำให้ตลาดมั่นใจแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่อง หนุนโอกาสเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย
ในสัปดาห์นี้ มองว่า ทิศทางนโยบายการเงินเฟด ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อตลาด โดยต้องติดตามรายงานเงินเฟ้อ CPI สหรัฐ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด Jerome Powell
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้ หลังจากที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ฯ โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ และแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ระหว่างสัปดาห์ เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า หากเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น พร้อมกับการย่อตัวของราคาทองคำ มองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมาก เนื่องจากผู้ส่งออกบางส่วนต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ฯ ส่วนผู้เล่นต่างชาติก็รอจังหวะเพิ่มสถานะ Short USDTHB ตามความคาดหวังการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน.-สำนักข่าวไทย