วสท.สรุปเหตุแท่นเครนหล่นทับคนงานรถไฟฟ้าสายสีแดง

วสท. 4 พ.ค. – วสท.ชี้เหตุเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงหล่นทับคนงาน มาจากอุปกรณ์ตัวยึดมีปัญหาและประมาท กำหนดเพิ่มมาตรการความปลอดภัย โดยเฉพาะความแข็งแรงตัวยึดคาน ด้านการรถไฟฯ เตรียมลงพื้นที่คุมเข้มการก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกสาย


นายธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ แถลงกรณีฐานเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าล้ม : สาเหตุและมาตรการป้องกัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ว่า กรณีฐานรองรับเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงหล่นทับคนงานเสียชีวิต 3 ราย เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอุปกรณ์ตัวยึดระหว่างคอนกรีตหัวเสากับอุปกรณ์เสาชุดรองรับคานขาด เนื่องจากการเคลื่อนตัวของคานที่ใช้ยกทางวิ่งระบบรางไม่เข้าตำแหน่งที่กำหนด โดยผู้ปฏิบัติงานได้ขยับโดยการถอยหลังและเดินหน้าไปมา ด้วยความประมาท จึงทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน 


นายธเนศ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน จึงกำหนดมาตรการ สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้า คือ เพิ่มความแข็งแรงของการยึดชุดล้อเลื่อน คานเหล็ก ขายึดเหล็ก ที่ติดกับเสาตอม่อ ถอยหลังได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของน้ำหนักโครงเหล็ก 36 ตัน และไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของน้ำหนักโครงเหล็กรวมกับน้ำหนักชิ้นส่วนคานคอนกรีต 129 ตัน ติดตั้งลิมิตสวิตช์ เพื่อจำกัดแรงดัน ควบคุมการเดินหน้า ถอยหลัง หากเกิดเหตุขัดข้องขณะปฏิบัติหน้าที่ต้องหยุดทันที และแจ้งวิศวกรควบคุม หรือหัวหน้าโครงการ พร้อมติดตั้งวัสดุทึบ ที่ไม่ใช่สแลน ป้องกันวัสดุตกจากที่สูง ทั้งนี้ ทุกโครงการที่ดำเนินงานก่อสร้างต้องมีวิศวกร หรือช่างเทคนิค ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานทุกขั้นตอนอย่างเข้มงวดตามหลักวิชาชีพวิศวกร

ด้านนายกำพล บุญชม ผู้อำนวยการโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง กล่าวว่า ที่ผ่านมาการรถไฟฯ มีมาตรการควบคุมความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง ตรวจงานทุกสัปดาห์อย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยลงพื้นที่ทุก 3 เดือน เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากความไม่ระมัดระวังขณะปฏิบัติงาน ได้แจ้งไปยังบริษัท อิตาเลียนไทยฯ และผู้รับเหมาก่อสร้าง ต้องกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นมากกว่านี้ หลังจากนี้ การรถไฟฯ พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการรถไฟฟ้าทุกสายที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอย่างเข้มงวด พร้อมเอาผิดหากพบโครงการใดละเลย ประมาท ไม่ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง