พี่ชายจ่ออุทธรณ์ คดีน้องสาวร่วมกับแฟนแทงแม่ดับ

สมุทรปราการ 7 ธ.ค.- พี่ชายจ่ออุทธรณ์ คดีน้องสาววัย 14 ปี ร่วมกับแฟนหนุ่มวัย 15 ปี แทงแม่ดับ เมื่อ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังศาลมีคำพิพากษาให้ส่งจำเลยทั้งสองไปฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกรุณา-บ้านปราณี พร้อมให้ศึกษาต่อและฝึกอาชีพ


ทนายเกรียงไกร พินทุสรศรี ทนายร่วมฝ่ายโจทย์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (6 ธ.ค.) ศาลเยาวชนและครอบครัวสมุทรปราการ พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 (แฟนหนุ่มวัย 15 ปี) และจำเลยที่ 2 (ลูกสาววัย 14 ปี ) มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจำเลยที่ 1 ขณะกระทำความผิดอายุ 15 ปีเศษ เห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง จำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุก 25 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษ รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 37 ปี 6 เดือน

ส่วนจำเลยที่ 2 (ลูกสาววัย 14 ปี) ขณะกระทำความผิดอายุ 14 ปีเศษ จึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74 (เดิม) เมื่อคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สภาพความผิด ประกอบรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดสมุทรปราการ เห็นว่าแม้จำเลยทั้งสองร่วมกันวางแผนก่อเหตุคดีนี้ ซึ่งเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นเหตุให้ผู้ตายซึ่งเป็นมารดาจำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย และโจทก์ร่วมซึ่งเป็นพี่ชายจำเลยที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส แต่มูลเหตุจูงใจมาจากจำเลยทั้งสองถูกครอบครัวจำเลยที่ 2 กีดกันไม่ให้คบหาเป็นคนรักกัน ประกอบกับจำเลยที่ 2 ได้รับความกดดันจากการเลี้ยงดูที่เข้มงวดของครอบครัว ทั้งจำเลยทั้งสองยังอายุน้อย ขาดประสบการณ์ในการใช้ชีวิต จึงร่วมกันตัดสินใจก่อเหตุโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ซึ่งน่าเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากความเลวร้ายโดยกมลสันดานของจำเลยทั้งสอง


เมื่อจำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดคดีนี้ครั้งแรก หากได้รับการฝึกอบรมเพื่อขัดเกลานิสัยและความประพฤติสักระยะหนึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยทั้งสอง เพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลยทั้งสอง อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 142 (1) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นส่งจำเลยที่ 1 ไปฝึกและอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกรุณา มีกำหนดขั้นต่ำ 4 ปี ขั้นสูง 6 ปี นับแต่วันพิพากษา หากคดีถึงที่สุดจำเลยที่ 1 อายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ ยังไม่ได้รับการฝึกอบรมหรือฝึกอบรมยังไม่ครบขั้นสูง ให้ส่งตัวจำเลยที่ 1 ไปควบคุมต่อที่เรือนจำจนครบระยะเวลาฝึกอบรมขั้นสูงตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 142 วรรคท้าย ระหว่างฝึกและอบรมให้จำเลยที่ 1 ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ฝึกอาชีพที่จำเลยที่ 1 ถนัดอย่างน้อย 2 วิชา

และอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 (5) ให้ส่งจำเลยที่ 2 ไปฝึกและอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปราณี มีกำหนดขั้นต่ำ 4 ปี ขั้นสูง 6 ปี นับแต่วันพิพากษา แต่มิให้เกินกว่าจำเลยที่ 2 มีอายุครบ 18 ปี ระหว่างฝึกและอบรมให้จำเลยที่ 2 ศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ฝึกอาชีพที่จำเลยที่ 2 ถนัดอย่างน้อย 2 วิชา ให้จำเลยทั้งสองเข้ารับการบำบัดรักษาอาการโรคซึมเศร้าหรือโรคทางจิตเภท กับให้นักจิตวิทยาให้คำแนะนำในเรื่องการจัดการอารมณ์และความเข้าใจเรื่องเพศศึกษาอย่างถูกต้องแก่จำเลยทั้งสอง

ทั้งนี้ ให้คิดหักวันที่ควบคุมตัวจำเลยทั้งสองด้วย ริบอาวุธมีดและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ร่วมเป็นเงิน 48,850 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5


ขณะที่ทางด้านพี่ชายแท้ๆ ของผู้ก่อเหตุ และเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนต้องเคารพการตัดสินของศาลอยู่แล้ว แต่ในใจก็ยังรู้สึกว่าบทลงโทษน้อยไป เพราะผู้ก่อเหตุมีการกระทำที่อุกอาจ วางแผนแยบยลก่อนลงมือร่วมกันฆ่าบุพการี ตนก็จะใช้สิทธิทางกฎหมายยื่นต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”