น้องชายสุดเศร้า นั่งเฝ้ารอร่างพี่ชาย-พี่สะใภ้ เสียชีวิตจากเหตุโรงงานพลุระเบิด

สุพรรณบุรี 18 ม.ค. – น้องชายสุดเศร้า นั่งเฝ้ารอร่างพี่ชายและพี่สะใภ้ ที่เสียชีวิตจากเหตุโรงงานพลุใน ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ระเบิด เผยพี่ชายมีลูก 2 คน ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า


หลังเกิดเหตุโรงงานพลุระเบิดในพื้นที่หมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 คน ทีมข่าวพบสองพี่น้องกำลังนั่งเฝ้ามองซากโรงงาน เมื่อสอบถามจึงทราบว่าพี่ชายคนโต คือ นายโสพล และนางรำไพ พี่สะใภ้ เสียชีวิตจากเหตุการณ์พลุระเบิด โดยครอบครัวกำลังนั่งรอให้เจ้าหน้าที่ลำเลียงศพออกมา เพื่อเตรียมนำร่างไปประกอบพิธี

น้องชายคนเล็ก เล่าว่า พี่ชายและพี่สะใภ้ทำงานโรงงานแห่งนี้มา 3 ปี ตั้งแต่โรงงานเป็นแค่บ้านหลังเล็กๆ อยู่ในชุมชน ก่อนถูกให้ย้ายออกมาตั้งโรงงานกลางทุ่งนา ที่ผ่านมาเคยเตือนพี่ชายแล้วว่าให้เลิกทำอาชีพนี้เพราะอันตราย แต่พี่ชายบอกว่าเงินดี คุ้มความเสี่ยง ได้ค่าจ้างวันละเกือบพันบาท ประกอบกับมีลูก 2 คน กำลังเรียนหนังสือ จึงต้องหาเงินส่งลูกด้วย ทำให้ตอนนี้เด็กทั้ง 2 คน ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ ซึ่งทางครอบครัวจะเลี้ยงดูหลานแทนเอง ขอให้พี่ชายไม่ต้องห่วงอะไร


ผู้สื่อข่าวได้สำรวจความเสียหายบ้านที่อยู่ใกล้โรงงานพลุระเบิด นางพรทิวา ชาวบ้านหมู่ 3 ซึ่งบ้านห่างจากโรงงานพลุ 300 เมตร พาทีมข่าวชี้ร่องรอยกระจกบานเกล็ด 3-4 บานที่โดนแรงระเบิดได้รับความเสียหาย รวมถึงหลังคามีกระเบื้องเปิด 1 แผ่น นอกจากนี้แผ่นไม้บางส่วนได้รับความเสียหายเช่นกัน

นางพรทิวา เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนนอนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงดังสนั่นจนรับรู้แรงสั่นสะเทือน รู้สึกบ้านสั่น เมื่อออกมาดูพบกลุ่มควันลอยขึ้นท้องฟ้า รู้สึกตกใจมาก เพราะมีคนในหมู่บ้านที่รู้จักกันทั้งนั้นที่ทำงานในโรงงานนี้ แต่เมื่อดูจากสภาพเชื่อว่า ต้องมีคนเสียชีวิตหลายคนแน่ๆ เพราะรุนแรงมาก ตอนนี้ยังหวาดผวาอยู่ เสียงดังก้องอยู่ในหู

ด้านลุงสมาน เจ้าของบ้านและเป็นพ่อของนางพรทิวา บอกว่า ในวันที่โรงงานพลุมาตั้งมีการทำประชาคมหมู่บ้านแล้ว ตนเห็นว่าโรงงานไกล 300 เมตร จึงยอมให้ตั้ง ตอนนั้นลูกหลานพากันโกรธ แต่ตนมองว่าคนในชุมชนจะได้มีงานทำ ไม่ต้องเข้าเมืองไปไกล จึงยอมให้ตั้ง แต่หลังจากนี้คงไม่เอาแล้ว ไม่กล้าให้โรงงานมาตั้งใกล้บ้านแล้ว


ขณะที่ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่าช่วงเกิดเหตุมีคนงานอยู่เยอะ เนื่องจากช่วงบ่าย เป็นช่วงกำลังออกสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย แรงงานส่วนใหญ่รอลุ้นผลสลากฯ ก่อนจะกลับบ้าน ทำให้สูญเสียเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”

วางระเบิด 4 ลูก เกาะกลางถนนหน้าโรงเรียน จ.นราธิวาส

เช้ามืดวันนี้ (21 พ.ย.) เกิดระเบิดขึ้นอีก 4 ลูก บริเวณเกาะกลางถนนหน้าโรงเรียนบ้านฮูแตทูวอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน