กรุงเทพฯ 2 ธ.ค. – “ปวีณา” ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯ พา 3 เหยื่อถูกหลอกค้าประเวณี เข้าพบรอง ผบ.ตร. ช่วยขยายผลจับขบวนการค้ามนุษย์
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พร้อมหญิงสาว 3 ราย เหยื่อถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ช่วยขยายผลจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาดำเนินคดี หลังทางมูลนิธิฯ ประสานเจ้าหน้าที่ทางการไทย และเมียนมาเข้าช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกหลอก 5 ราย อายุระหว่าง 17-29 ปี เบื้องต้นกลับถึงเมืองไทยแล้ว 3 ราย อีก 2 ราย อยู่ระหว่างการส่งตัวกลับ
นางปวีณา กล่าวว่า สืบเนื่องจากพ่อแม่และญาติของเหยื่อได้เข้ามาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิฯ ให้ติดตามช่วยเหลือลูกสาว หลังที่เหยื่อต้องการหางานทำจึงไปพบข้อความในเฟซบุ๊กที่ชักชวนไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศเมียนมา ระบุเป็นงานสบาย รายได้ดี จึงหลงเชื่อ ขณะที่บางคนก็ถูกเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันชักชวนไป แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณี และบังคับให้เสพยาเสพติด
นางปวีณา เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับผู้เสียหายทั้ง 3 คน ที่ช่วยเหลือกลับประเทศได้นั้น ระบุว่า น.ส.เอ อายุ 27 ปี น.ส.บี อายุ 29 ปี เป็นพี่น้องกัน ชาวจังหวัดพิษณุโลก ส่วน น.ส.ซี อายุ 28 ปี เป็นเพื่อนร่วมงาน ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ถูก น.ส.น้ำ ชักชวนไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศเมียนมา อ้างว่ามีรายได้ดี วันละ 30,000-40,000 บาท จึงตกลงกันไปทำงานโดยเดินทางด้วยเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ลงที่สนามบินเชียงใหม่ ก่อนที่จะมีรถกระบะมารับพักค้างคืนที่เชียงใหม่ 1 คืน จากนั้นรุ่งเช้าเดินทางต่อไปที่ตีนดอยนอแล ก่อนจะมีคนพาเดินขึ้นดอย และมีรถจักรยานยนต์มารับ ขี่ลัดเลาะข้ามชายแดนไทย-เมียนมา ก่อนพักค้างแรมฝั่งชายแดนเมียนมาอีก 1 คืน จากนั้นจึงมีรถรับไปตามจุดต่างๆ เป็นทอดๆ
นางปวีณา กล่าวอีกว่า เมื่อไปถึงร้านจะมี น.ส.มาย เอเจนซี่ เข้ามาดูตัวและแจ้งว่าเหยื่อทั้งหมดเป็นหนี้คนละ 90,000 บาท ต้องทำงานใช้หนี้ แต่ น.ส.ซี ถูกส่งไปขายต่อที่ร้านอื่นเนื่องจากตัวจริงอ้วนเกินไป ไม่ตรงตามรูปที่ส่งมาครั้งแรก อีกทั้งเป็นหนี้เพิ่มอีกรวม 250,000 บาท เนื่องจากทุกคนหวาดกลัว จึงต้องยอมทำตามคำสั่ง หากไม่อยากถูกทำร้ายร่างกาย กักขัง บังคับให้เสพยา บางครั้งถูกสั่งให้อดข้าวอดน้ำ 3 วัน หรือหากใครไม่ทำตามก็จะถูกนำตัวไปขังเดี่ยวในห้องมืด อีกทั้งยังมีชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายทหารคอยถือปืนยืนเฝ้าหน้าประตูตลอดเวลา เหยื่อทนไม่ไหวจึงติดต่อพ่อ จากนั้นประสานมายังมูลนิธิฯ ให้ช่วยเหลือ
นางปวีณา กล่าวว่า ทางมูลนิธิฯ จึงประสานขอความช่วยเหลือร่วมกับทหารไทย ตำรวจไทย สถานทูตไทยประจำเมียนมา จนสุดท้ายสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้ทั้งหมด 5 คน แต่ 3 คน ที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ถูกดำเนินคดีที่เมียนมาจำคุก 3 อาทิตย์ก่อนถูกส่งกลับไทย ส่วนอีก 2 คน ขณะนี้รอการส่งตัวกลับ เนื่องจากมีการสู้รบระหว่างทหารไทยใหญ่ และทหารเมียนมา ระหว่างเมืองลาเซียวกับเมืองสีปัดรัฐฐานเหนือ ใกล้ชายแดนแม่ฮ่องสอน ทำให้สนามบินเมืองลาเซียวปิดชั่วคราว จำเป็นต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายจึงสามารถส่งตัวกลับไทยได้ จึงเดินทางมามอบหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้อง เพราะการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมสอบปากคำเหยื่อทั้ง 3 ราย ก่อนจะขออนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เนื่องจากพฤติการณ์เข้าข่ายการค้ามนุษย์อย่างชัดเจน. -สำนักข่าวไทย