ทำเนียบรัฐบาล 7 พ.ย. – นบข.เห็นชอบสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเจ้า-ข้าวหอมปทุมธานี จำนำยุ้งฉางข้าวเปลือกเจ้า 7,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมปทุมธานี 7,500 บาทต่อตัน ใช้เงินช่วยเหลือ 18,000 ล้านบาท เตรียมเสนอ ครม.พรุ่งนี้
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและการบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นัดพิเศษเช้าวันนี้ (7 พ.ย.) เห็นชอบมาตรการช่วยผลักดันราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวหอมปทุมธานี เช่นเดียวกับการช่วยเหลือข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูการผลิตปี 2559/2560 ผ่านโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเจ้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากข้าวเปลือกเจ้าและข้าวหอมปทุมธานีจะเริ่มออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวปีนี้
ทั้งนี้ นบข.จึงเห็นชอบสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกเจ้าราคา 7,000 บาทต่อตัน เมื่อรวมกับค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางตันละ 1,500 บาท เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว 2,000 บาทต่อตัน (800 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 15 ไร่) รวมเป็นเงิน 10,500 บาทต่อตัน เป้าหมายช่วยเหลือ 7 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินช่วยเหลือ 9,000 ล้านบาท สำหรับข้าวหอมปทุมธานี กำหนดให้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อชะลอการขายราคา 7,800 บาทต่อตัน เมื่อรวมกับค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางตันละ 1,500 บาท เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวอีก 2,000 บาทต่อตัน (800 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 15 ไร่) รวมเป็นเงินได้รับ 11,300 บาทต่อตัน เป้าหมายช่วยเหลือ 1 ล้านตัน วงเงิน 9,000 ล้านบาท รวมใช้เงินช่วยเหลือข้าวทั้ง 2 ประเภท 18,000 ล้านบาท
ส่วนชาวนาภาคกลางที่ไม่มียุ้งฉางเก็บข้าวเปลือก จะได้รับเงินช่วยเหลือจากค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ตันละ 2,000 บาท ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อรัฐบาลได้สนับสนุนช่วยเหลือผ่านกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนจะมีส่วนช่วยเกษตรกรเรื่องการตากและปรับปรุงคุณภาพด้วยเช่นกัน โดย นบข.เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมแผนการช่วยเหลือเกษตรกรระยะยาว เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรทำนาแปลงใหญ่ ผ่านการจัดแบ่งโซนพื้นที่เกษตร หลังจากส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวนาแปลงใหญ่ 1 ล้านไร่ในปีแรก จึงทำให้มีโรงสีได้รับซื้อข้าวจากพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังส่งเสริมปลูกพืชแซม หรือพืชเกษตรอื่น เช่น ปลูกถั่วเขียว การปลูกพืชใช้น้ำน้อย และปลูกพืชใช้ปลอดสารพิษ เพราะที่ผ่านมามีเกษตรกรลดต้นทุนการปลูกเหลือ 2,000 บาทต่อไร่ จึงมีช่องทางหารายได้จากด้านอื่นเพิ่ม และวันที่ 13-16 พฤศจิกายน กระทรวงพาณิชย์เตรียมเชิญผู้นำเข้าข้าว ผู้ส่งออก กลุ่มสหกรณ์ มาร่วมจัดงานตลาดข้าวไทย ณ รร.เซ็นทารา ลาดพร้าว พร้อมจัดงานทุกปี เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก.-สำนักข่าวไทย