กรุงเทพฯ 25 ต.ค. – อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเผย รมว. เกษตรฯ ห่วงใยเกษตรกรในพื้นที่ประสบอุทกภัย สั่งทุกหน่วยเข้าช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้น ล่าสุดสำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยาเข้าเยี่ยมเยียนเกษตรกรและมอบปัจจัยการผลิตให้ เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาหลังน้ำลด
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ที่ประสบภัยทุกจังหวัดได้เร่งเข้าสำรวจพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบและช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรแล้วในหลายพื้นที่ตามข้อห่วงใยของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
ล่าสุดได้เดินทางไปตรวจพื้นที่น้ำท่วมในจังหวัดสิงห์บุรีและพระนครศรีอยุธยาเพื่อติดตามความก้าวหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้น โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดทั้ง 2 จังหวัดได้นำปัจจัยการผลิตไปมอบให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบแล้ว เพื่อเป็นแหล่งอาหารและฟื้นฟูพืชผล ภายหลังน้ำลด ประกอบด้วย ชุดเมล็ดพันธุ์ผัก คือ เมล็ดพันธุ์กระเจี๊ยบเขียวและเมล็ดพันธุ์ถั่วพู รวม 1,000 ชุด ชุดต้นพันธุ์ผัก คือ ต้นกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 และต้นมะละกอฮอลแลนด์รวม 150 ชุด ชุดชีวภัณฑ์เชื้อราไตรโคเดอร์มา (เชื้อสดพร้อมใช้) รวม 32 กิโลกรัม
สำนักงานเกษตรจังหวัดทั้ง 2 จังหวัดได้รายงานผลการสำรวจเบื้องต้น ดังนี้
พื้นที่เกษตรจังหวัดสิงห์บุรีได้รับผลกระทบครอบคลุมทั้ง 6 อำเภอ โดยมีพื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหายจำนวน33,399.59 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 30,225.50 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,060 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 1,511.09 ไร่ อ้อย 603 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 4,461 ราย
ส่วนพื้นที่เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับผลกระทบ 15 อำเภอ พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 11,269.48 ไร่แบ่งเป็น ข้าว 9,647.88 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 370.09 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 1,251.51 ไร่ เกษตรกรได้รับผลกระทบ1,892 ราย
ทั้งนี้ ภาพรวมพื้นที่เกษตรทั่วประเทศได้รับผลกระทบมี 52 จังหวัด พื้นที่การเกษตรคาดว่า จะเสียหาย 3,489,162.50 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 2,089,293.50 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,363,641.75 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 36,227.25 ไร่เกษตรกรได้รับผลกระทบ 438,011 ราย
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย แต่ได้กำชับและมอบหมายให้สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ เร่งดำเนินการสำรวจพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้การดำเนินการเยียวยา ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านพืชภายหลังน้ำลด เป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น และเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินพ.ศ. 2563 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 ทั้งนี้ เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกร และปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย มีพื้นที่เสียหายจริง อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ โดยผู้ว่าราชการจังหวัด และช่วยเหลือไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ โดยมีอัตราดังนี้ ข้าว 1,340 บาทต่อไร่ พืชไร่และพืชผัก 1,980 บาทต่อไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ 4,048 บาทต่อไร่.-สำนักข่าวไทย