หนุน “กาแฟบ้านปางปูเลาะ” ตามแผนขับเคลื่อนพะเยาโมเดล

พะเยา 19 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีติดตามความก้าวหน้าของการพัฒนา กาแฟบ้านปางปูเลาะ” ภายใต้โครงการพะเยาโมเดลซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพสินค้าเกษตร ภายใต้แนวคิด ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่จังหวัดพะเยา เพื่อหารือแผนการพัฒนาพื้นที่เป็นสนามบินจังหวัดพะเยา ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนและการพัฒนาพื้นที่ก่อสร้างที่ทำการด่านชายแดน CIQ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านฮวก อำเภอภูซาง และรับฟังการนำเสนอแผนพัฒนาอุทยานการเรียนรู้พะเยา (TK Park) อำเภอเมืองพะเยา พร้อมชมนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ชุมชนของจังหวัดพะเยา รวมทั้งการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่จังหวัดพะเยา โดยได้เยี่ยมชมนิทรรศการการพัฒนากาแฟพะเยา ภายใต้โครงการพะเยาโมเดลสู่การพัฒนาศักยภาพสินค้าเกษตร ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ  โดยกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดพะเยาและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ปัจจุบันมีพื้นที่ผลิตกาแฟ 1,934 ไร่ จำหน่ายผลผลิตในรูปผลสด (เชอรี่) กาแฟกะลา เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยเกษตรกรและผู้ประกอบการทั้งในและนอกพื้นที่

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวว่า จากนโยบายด้านการพัฒนาสินค้าเกษตรมูลค่าสูงและการพัฒนาการเกษตรในรูปแบบพะเยาโมเดล กรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้ดำเนินการพัฒนากาแฟพะเยา โดยกำหนดเป้าหมาย นำร่องวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตกาแฟคุณภาพบ้านปางปูเลาะ หมู่ 13 ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา ซึ่งได้รวมตัวกันเพื่อพัฒนาผลผลิตกาแฟให้ได้คุณภาพ มีพื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า จำนวน 175 ไร่ ที่ระดับความสูง 900 – 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนพื้นที่ลาดชันและหุบเขา พื้นที่ปลูกกาแฟกระจายตัวอยู่ในเขต หมู่บ้านปางปูเลาะ หมู่ 13 และหมู่บ้านผาแดง หมู่ 10  ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เพื่อพัฒนาต้นแบบในการผลิตสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าสูง สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับจังหวัดพะเยา ในด้านการผลิตและเพิ่มมูลค่า เพื่อเป็นต้นแบบในการยกระดับรายได้ของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การขยายผลในพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้จากการดำเนินงานพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่จำหน่ายผลผลิตในรูปผลสด (เชอรี่) หรือ กาแฟกะลา ผ่านผู้รวบรวมทั้งในชุมชนและที่มาจากพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยราคารับซื้อไม่มีความแน่นอนเป็นไปตามกลไกการตลาด ทำให้เกิดข้อจำกัดด้านรายได้ และยังมีความเสี่ยงในเรื่องการผลิต เช่น สภาวะอากาศที่แปรปรวน รวมทั้งศัตรูพืชที่อาจสร้างความเสียหายได้ตลอดเวลา


สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานโครงการพะเยาโมเดล ในส่วนของกาแฟ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ 1) เป้าหมายขั้นต้น เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟแบบมีส่วนร่วม ส่งเสริมการสร้างคู่ค้าใหม่และเพิ่มช่องทางการตลาด ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตกาแฟส่งมาตรฐานสินค้าเกษตร สนับสนุนการใช้นวัตกรรมที่สอดคล้องกับวิธีการผลิตกาแฟคุณภาพในชุมชน 2) เป้าหมายขั้นกลาง เชื่อมโยงการตลาดกาแฟ การใช้นวัตกรรมสำหรับการผลิตกาแฟคุณภาพ ส่งเสริมการสร้างแบรนด์สินค้า รวมทั้ง การยกระดับคุณภาพโดยการพัฒนาให้เป็นกาแฟ ที่มีลักษณะเฉพาะทั้งรสชาติและกลิ่น ซึ่งจะมีอัตลักษณ์เป็นกาแฟ Specialty สร้างความน่าสนใจและโอกาสเข้าสู่ตลาด Premium ได้มากยิ่งขึ้น และ 3) เป้าหมายขั้นสูง มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค สร้างบาริสต้าท้องถิ่นให้เป็นมืออาชีพ นำกาแฟเข้าสู่เวทีการประกวดแข่งขันกาแฟระดับประเทศ สร้างงานวิจัยผลิตภัณฑ์/นวัตกรรม ส่งเสริมการจดทะเบียนสิทธิบัตร อนุสิทธิบัตร ของผลิตภัณฑ์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุด คือ ผลผลิตกาแฟ (เชอรี่) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 500 – 600 กิโลกรัมต่อไร่ได้มาตรฐานสินค้าเกษตรการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับกาแฟ (GAP) มีแบรนด์กาแฟ และสร้างบาริสต้าให้เป็นที่รู้จักในเวทีต่างๆ 

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวอีกว่า สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และเกษตรกร ตลอดจนวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตกาแฟคุณภาพบ้านปางปูเลาะ ในการพัฒนาการผลิตและเพิ่มมูลค่า โดยสร้างรูปแบบการพัฒนาผ่านกลุ่มองค์กรเกษตรกร ครอบคลุมการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการได้แก่ การลงพื้นที่สำรวจและจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มและเกษตรกรเป้าหมาย 20 ครัวเรือน จัดเวทีวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตกาแฟเพื่อจัดทำแผนขับเคลื่อนโครงการภายใต้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” พร้อมทั้งประสานและดำเนินการร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดพะเยา (เกษตรที่สูง) ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ ศูนย์วิจัยเกษตรวิศวกรรมเชียงใหม่ ในการเตรียมความพร้อมและตรวจซ่อมเครื่องมือสำหรับการแปรรูปที่มีในชุมชนให้มีประสิทธิภาพพร้อมใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยแผนดำเนินกิจกรรมขั้นต่อไปได้กำหนดจัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านมาตรฐาน GAP การอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 5701-2561 การศึกษาดูงานพื้นที่ปลูกกาแฟที่ได้มาตรฐานสินค้าเกษตร และสนับสนุนการจัดทำแปลงต้นแบบให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นต้นแบบในการยกระดับรายได้ของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม และนำไปสู่การขยายผลในพื้นที่อื่นๆ ตามข้อสั่งการของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป.- 512 – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก-ลมแรง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ บริเวณ จ.น่าน เย็นวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด และระนอง ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ปกคลุมบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย […]

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]