1 ต.ค. – เนื่องในโอกาสครบรอบ 73 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน สถานทูตจีนประจำประเทศไทย ได้จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่โรงแรมแชงกรีล่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมแสดงจุดยืนเน้นย้ำความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับประเทศไทย และพร้อมสนับสนุนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ในเดือนพฤศจิกายนนี้
วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี คือวันครบการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน หรือ วันชาติจีน ปีนี้ครบรอบ 73 ปี นั่นหมายความว่าวันนี้เมื่อ 73 ปีที่แล้ว คือวันที่เหมา เจ๋อตง อัญเชิญธงชาติสีแดงพร้อมดาว 5 ดวง ขึ้นสู่ยอดเสา ประกาศต่อมนุษยชาติว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
นับตั้งแต่วันเริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบัน จีนได้ผ่านมรสุม ฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย จนกระทั่งเติบโตอย่างก้าวกระโดดเข้าสู่จีนยุคใหม่ที่ผู้คนอยู่ดีกินดี และก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยเฉพาะการระบาดของโรคโควิด-19 ที่แม้ต้องเผชิญวิกฤติใหญ่หลวง จีนก็เร่งจัดการอย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตวัคซีนของโลกด้วย
และเนื่องในโอกาสครบรอบ 73 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน สถานทูตจีนประจำประเทศไทยได้จัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแชงกรีล่า เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมด้วยภริยา ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและบรรดาบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
นายหาน จื้อเฉียง แสดงความยินดีที่การจัดงานวันชาติจีนในปีนี้ เป็นการรวมตัวแบบพบหน้ากันอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้โลกเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งจีนและไทยได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนกันในการควบคุมโรคระบาดมาตลอด การจัดงานในปีนี้จึงสะท้อนอย่างชัดเจนว่า ทั้งสองประเทศร่วมกันก้าวข้ามผ่านความยากลำบากนั้นแล้ว แม้สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุดดีก็ตาม
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตจีนยังยืนยันให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ของรัฐบาลปักกิ่ง ในการที่ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ และการส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไป
ถึงแม้ว่าวันครบรอบแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ปีนี้อาจไม่ได้มีนัยสำคัญทางตัวเลขเหมือนเช่นปีที่ลงท้ายด้วยเลข 0 หรือ 5 แต่ก็ถือได้ว่าเป็นปีสำคัญที่น่าจับจ้องอย่างยิ่ง เพราะเป็นวาระครบ 5 ปี ที่จีนจะจัดการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งพรรคคอมมิวนิสต์ ครั้งที่ 20 ในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ที่กรุงปักกิ่ง
ถือได้ว่าเป็นการประชุมที่มีความสำคัญ ท่ามกลางสถานการณ์ระเบียบโลกใหม่ ที่การผงาดขึ้นของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สื่อให้เห็นว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีขั้วอำนาจเดียวอีกต่อไป เนื่องจากการพัฒนาที่ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน และสาธารณรัฐประชาชนจีน กำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายพัฒนาจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัย มั่งคั่ง แข็งแกร่ง เป็นประชาธิปไตยและมีอารยธรรม
ดังนั้น สิ่งที่น่าจับตามองจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 นี้ คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำต่ออีกเป็นสมัยที่ 3 และรวมไปถึงนโยบายทั้งในและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจีนจะปรับเปลี่ยน-ผ่อนปรนนโยบาย Zero Covid หรือไม่ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจทั้งของจีนและต่อบรรดาคู่ค้าซึ่งรวมทั้งประเทศไทย. -สำนักข่าวไทย