ก.คลัง 22 ก.ย.-รมว.คลัง ถก ธปท. ดูแลค่าเงินบาท แนวโน้มดอกเบี้ย หลังเฟดปรับเพิ่มดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เผยไม่ห่วงเงินทุนไหลออก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คลังหารือกับ ธปท. ในช่วงเช้าวันนี้ (22 ก.ย.) กรณีธนาคารกลางสหรัฐปรับเพิ่มดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 นับว่าทยอยปรับเพิ่มมาได้เกินครึ่งทางแล้ว หรือร้อยละ 3.25 จากเป้าหมายดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ ร้อยละ 4-4.5 เพื่อต้องการดูแลอัตราเงินเฟ้อสูง การดูแลเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวค่อนข้างร้อนแรง และยังต้องรักษาเสถียรภาพราคาสินค้า เพื่อต้องการให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตช้าลง หลังจากได้ปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.75 ติดต่อกัน 2 ครั้ง
ในส่วนของประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขึ้นอยู่กับธนาคารกลางของแต่ละประเทศ เนื่องจากบางประเทศเติบโตสูง บางประเทศเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า จากปัญหาโควิด-19 หลายประเทศได้ออกมาตรการมาช่วยดูแล ในส่วนของไทย อัตราเงินเฟ้อมาจากต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนพลังงานสูง กระทรวงการคลังจึงหารือกับ ธปท. พยายามให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวเป็นปกติ เมื่อ GDP ในปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 1.5 และในปี 2565 คาดว่าขยายตัวร้อยละ 3-3.5 นับว่าเริ่มฟื้นตัว ส่วนการดูแลด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน หลังเฟดปรับดอกเบี้ย ยอมรับว่าเงินไหลออกไม่สูงมากนัก จึงไม่กังวลเรื่องเงินทุนไหลออก โดยแบงก์ชาติจะติดตามอย่างใกล้ชิด
นายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทย ยังมีการส่งออก ได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า ยอมรับเงินบาทอ่อนค่ายังไม่น่าเป็นห่วงมาก เพราะราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวในระดับ 90-95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นับว่ายังต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ ยอมรับว่าภาคธุรกิจต้องปรับตัวจากสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนปัจจัยด้านการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น หลังโควิด-19 คลี่คลาย คาดว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 8 ล้านคน ที่สำคัญการค้าชายแดนของไทยยังเติบโตสูงในการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และการลงทุนในภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย