แจ้งวัฒนะ 13 ธ.ค.-ผลสำรวจประชาชนส่วนใหญ่มั่นใจดีเอสไอ แต่ควรเร่งคดีสำคัญ ทั้งคดีที่ดินจังหวัดพังงา-คดีวัดพระธรรมกาย ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิต นำเสนอผลการสำรวจความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อผลงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประจำปีงบประมาณ 2559 เพื่อให้ทราบถึงระดับความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อผลงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ
นายณัฐพล แย้มฉิม ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า กลุ่มตัวอย่างในการสำนวจครั้งนี้ เป็นผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา พยาน ประชาชนชน หน่วยงานนอก สื่อมวลชน รวมถึงผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม รวม 3,323 ตัวอย่าง พบว่าปัจจัยที่ทำให้มีความเชื่อมันในหน่วยงานดีเอสไอ ในส่วนประชาชน คือองค์กรมีความชัดเจนในการใช้ข้อกฎหมายในการดำเนินคดีพิเศษ ร้อยละ 72.60 รองลงมาคือความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ร้อยละ71.40 และความรู้ความ สามารถในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ร้อยละ 70.40 แม้ประชาชนจะพบว่า มีความมั่นใจอยู่พอสมควร แต่จากผลการดำเนินคดีที่ผ่านมาพบว่าส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อดีเอสไอพอสมควร
ด้าน รศ.รุ่งภพ คงฤทธิ์ระจัน อาจารย์ประจำภาควิชาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ในฐานะหัวหน้าทีมวิจัย กล่าวถึงปัญหาและอุปสรรคของการทำงานดีเอสไอ ในมุมมองของหน่วยงานที่ร่วมดำเนินงาน และเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน คือการประสานงานภายในทำได้ยากและล่าช้า รวมถึงพบมีการแทรกแซงการทำงาน ความล่าช้าในการดำเนินคดี สิ่งที่ดีเอสไอควรดำเนินการพัฒนาภาพลักษณ์องค์กร คือต้องเร่งดำเนินคดีด้วยความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งคดีที่ดินจังหวัดพังงา รวมถึงคดีวัดพระธรรมกาย ร้อยละ 25.28 และต้องทำให้ภาพลักษณ์มีอิสระในการทำงาน ร้อยละ 10.68 สามารถตรวจสอบการทำงานได้ ร้อยละ10.17 และ ต้องทำคดีให้ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ร้อยละ 9.31
ภาพรวมในการทำคดีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเต็มไปด้วยคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ ทั้งคดีที่ดินจังหวัดพังงาและคดีวัดธรรมกาย ส่งผลต่อภาพ ลักษณ์ของดีเอสไอชัดเจน ข้อแนะนำในการปฎิบัติของดีเอสไอต้องดำเนิน การด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น ทำให้การทำงานโปร่งใส เพิ่มความอิสระในการทำงาน และทำงานโดยปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองให้ได้ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะนำผลสำรวจ และข้อแนะนำทั้งหมดส่งให้ดีเอสไอนำไปพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย