ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พาปท.สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง

สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ  7 ก.ย.-“พล.อ.ประวิตร” ชื่นชมผลการศึกษานศ.วปอ. รุ่น 64 สอดรับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ขอช่วยกันหนุนให้เกิดผลปฏิบัติเป็นรูปธรรม เพื่อความมั่นคง มั่งคั่งของปท. พร้อมติดตลก “ใช้ใจบันดาลแรงจะทำให้เรากลับมาหนุ่มอีกครั้ง”


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 64 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 63 วิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 67 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 54 และวิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่นที่ 56 โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งผู้แทนจากส่วนราชการต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเข้าร่วมรับฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงปิดหลักสูตรวปอ. ตามปกติแล้วจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าร่วมรับฟังด้วย แต่ในปีนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งเมื่อพล.อ.ประวิตร เดินทางถึงตัวแทนนักศึกษาวปอ.รุ่น 64 ร้องเพลงดุจบิดามารดร ต้อนรับ


ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580 ) เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาประเทศระยะยาว เพื่อให้ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมียุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้านพัฒนาและ เสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในทุกมิติ คณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 64 จึงมีแนวความคิดในการจัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาประเทศเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยมีองค์ประกอบ 3 ประการ ได้แก่ ฐานรากของสังคม ความมั่นคง ในมิติต่างๆ และสิ่งที่จะทำให้ประเทศก้าวต่อไป เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริงและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต

การแถลงแนวทางการพัฒนาประเทศเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าทัพในครั้งนี้ถือเป็นการเสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์แก่รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ อันจะส่งผลต่อการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป

จากนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวแสดงความเห็นต่อข้อเสนอยุทธศาสตร์ของนักศึกษาวปอ. ว่า ขอชื่นชมผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 20 ปีของนักศึกษาป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 64 ข้อเสนอแนะที่นำมาเสนอนั้นสอดรับกับสถานการณ์ สภาพสิ่งแวดล้อม บริบทของโลกและความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน การที่ประเทศไทยจะก้าวต่อไปอย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน จำเป็นต้องวางรากฐานทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศโครงสร้างกำลังพลที่มีคุณภาพ การส่งเสริมกลไกการทำงานของภาครัฐเน้นการมีส่วนร่วมตามที่นักศึกษาได้แถลง


พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การมีส่วนร่วมนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะทำให้ประเทศประสบผลสำเร็จได้โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ขอชื่นชมที่นำพาประชาชนนำไปสู่ความมั่นคงแบบองค์รวม ที่กศึกษาให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านอาหาร ด้านพลังงาน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยอาศัยพลังอำนาจที่เรียกว่าซอฟพาวเวอร์เป็นจุดแข็งของประเทศ เป็นเครื่องมือช่วยให้ประเทศไทยสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกอย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน ซึ่งการแถลงผลการศึกษาของนักศึกษาสอดคล้องกับการสนับสนุน และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 20 ปีของรัฐบาล เชื่อมโยงยุทธศาสตร์ 20 ปีในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนการปฏิรูปประเทศและแผนแม่บทต่าง ๆ ที่รัฐบาลวางแนวทางไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำพาประเทศไทยให้ก้าวข้ามความเป็นประเทศที่หนีกับดักรายได้ปานกลาง บนพื้นฐานการเติบโตแบบมีคุณภาพชีวิตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง crimate change ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ลงนามไว้จะต้องดำเนินการตามให้ได้ มุ่งขจัดความเหลื่อมล้ำให้สังคมไทยมีความสงบสุข ซึ่งเป็นความต้องการของทุกคนคือความสงบสุขในประเทศ โดยจะนำยุทธศาสตร์และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในวันนี้ ไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการต่อไป ขอเน้นย้ำกับทุกท่านว่าความสำเร็จของยุทธศาสตร์นั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะผลักดันและขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ เรามียุทธศาสตร์ที่ดี แต่ถ้าขาดการปฎิบัติก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกในปัจจุบัน

“ขอฝากให้นักศึกษาใช้ศักยภาพของทุกคน ผนึกกำลังร่วมมือกันผลักดันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่เสนอมาให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยใช้ใจบันดาลแรง ที่บอกว่าใช้ใจบันดาลแรง เพราะอายุมากแล้ว พวกท่านอายุไม่มาก อาจจะใช้แรงบันดาลใจได้ แต่การใช้ใจบันดาลแรงจะทำให้เรากลับมาหนุ่มอีกครั้ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว ท่ามกลางเสียงปรบมือดังก้องห้องประชุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ร่วมมือ ร่วมใจกันด้วยความรักสามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะนำพาประเทศของเราก้าวเดินไปข้างหน้ามุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันคือประเทศชาติและประชาชนเจริญมั่นคงมั่งคั่งยังยืน และขอให้นำยุทธศาสตร์นี้ไปสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยเพื่อลูกหลานของเราสืบไป.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง