กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ผ่าน “ตลาดต้องชม” ริมยม 2437 สุโขทัย

สุโขทัย 4 ก.ย.-อธิบดีกรมการค้าภายในจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก “ตลาดต้องชม” ชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวแวะชม ชิม ช้อป ตลาดริมยม 2437 สุโขทัย เผยมีร้านค้าชุมชนมากกว่า 60 ร้าน มีอาหารและขนมท้องถิ่น แถมมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกเพียบ ทั้งเพ้นท์ภาพ ระบายปูนพลาสเตอร์ ถ่ายภาพที่ระลึก

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้ชื่อ “ตลาดต้องชม” ณ ตลาดริมยม 2437 อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย โดยภายในตลาดมีร้านค้าชุมชนมากกว่า 60 ร้านค้า มีร้านค้าเป็นที่นิยม มีอาหารและขนมท้องถิ่นดั้งเดิม ที่มีการสืบทอดมาจากคนหลายรุ่น เช่น ร้านขนมกงชะมดงาดำ ร้านขนมผิงป้าติ๋ม ทอดมันริมยม ก๋วยจั๊บเจ๊กล ปลาร้า และร้านผัดไทใบตอง เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้เดินทางมาเที่ยวชม ชิม ช้อป


ทั้งนี้ ตลาดตลาดริมยม 2437 มีเอกลักษณ์เฉพาะตลาด คือ การที่พ่อค้าแม่ค้าแต่งกายธีมย้อนยุครูปแบบต่าง ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปในทุกเดือน ในวันนี้เป็นธีม “แหยม ยโสธร” และมีการพัฒนาโซน Street Art เพื่อให้นักท่องเที่ยว ชุมชน และเด็ก ๆ ร่วมทำกิจกรรมในตลาด เช่น เพ้นท์ภาพลงบนผืนผ้า ระบายปูนพลาสเตอร์ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึก รวมทั้ง ยังมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วม เช่น รับคูปองส่วนลด DIT go เพื่อใช้จับจ่ายซื้อของในตลาด และเล่มเกมส์เพื่อลุ้นรับของรางวัล

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกัน ในสัปดาห์นี้ ตลาดได้จัดพื้นที่พิเศษให้เกษตรกรผู้ปลูกลองกอง จ.อุตรดิตถ์ และมะนาว จ.พิจิตร ได้มาร่วมขายสินค้าในช่วงที่ผลผลิตออกมาก ถือเป็นการขยายช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเกษตร สามารถช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น


นายวัฒนศักย์กล่าวว่า ปัจจุบันมีตลาดต้องชม ในความส่งเสริมของกรมการค้าภายในทั่วประเทศกว่า 200 แห่ง ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายใช้สอยสินค้าในตลาดต้องชม โดยขอเชิญชวนให้เข้ามาช้อป มาเที่ยว และเลี้ยวเข้าตลาดต้องชม เพื่อเป็นการอุดหนุนพ่อค้าแม่ค้าในชุมชน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้ชุมชน เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจฐานราก โดยในปี 2565 กรมฯ ได้มีการจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเชื่อมโยงสินค้าและบริการตลาดชุมชนในตลาดต้องชมมากถึง 193 ครั้ง ใน 40 จังหวัดทั่วประเทศ

สำหรับตลาดริมยม 2437 เป็นตลาดต้องชมในความส่งเสริมของกรมการค้าภายใน ซึ่งมีการอนุรักษ์บ้านเก่าและวิถีชีวิตแบบย้อนยุคให้คงอยู่เพื่อเป็นศูนย์รวมทางการค้าและการท่องเที่ยว โดยเมื่อวันที่ 5 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรม ณ ตลาดริมยม 2437 จ.สุโขทัย ภายใต้ชื่อ “Reborn ตลาดต้องชม ตลาดริมยม 2437” พลิกฟื้นให้ตลาดแห่งนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เป็นแหล่งค้าขายที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัย ส่งผลให้ตลาดและชุมชนกลับมาคึกคัก เต็มไปด้วยกิจกรรมการค้า กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและสร้างรายได้และอาชีพให้คนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งได้มีการจัดกิจกรรมในทุกวันเสาร์แรกของเดือนมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง