พิจิตร 21 ส.ค. – รมว.พาณิชย์ ออนทัวร์เมืองชาละวัน ดันส่งออกส้มโอพิจิตร เดินหน้า “อมก๋อยโมเดล” ระบายลองกองเหนือ ดึงผู้ค้ารายใหญ่ทำสัญญาซื้อล่วงหน้ากับชาวสวนกว่า 1,200 ราย ร่วม 7,500 ตัน หนุนราคาดีตลอดฤดูกาล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ติดตามผลักดันการส่งออกส้มโอ และเป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงการซื้อขาย “ลองกอง” จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และนายสิงหราช วงษ์เสงี่ยม ปลัดจังหวัดพิจิตร ที่ศูนย์ส่งออกส้มโอโพธิ์ประทับช้าง อําเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร โดยวันนี้ตั้งใจมาช่วยสนับสนุนผลไม้ 2 ตัวสำคัญ คือ 1. ลองกอง และ 2. ส้มโอ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพิจิตร ซึ่งลองกองถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญตัวหนึ่งของภาคเหนือและภาคใต้บ้านตนด้วย ลองกองดังที่สุดคือ จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดสุโขทัย และวันนี้เป็นการปฏิบัติตามนโยบายที่ตนมอบไป เราจะมีปฏิทินล่วงหน้าว่า ลองกองจะออกมากเดือน ส.ค.-ต.ค.โดยประมาณ จังหวัดและกระทรวงฯ มีหน้าที่เข้ามาดูแลตั้งแต่ต้นฤดู จึงมาแก้ปัญหาล่วงหน้าตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งมีโมเดลในการดูแลพี่น้องประชาชนผู้ทำการเกษตร ชื่อว่า “อมก๋อยโมเดล” คือ เกษตรพันธสัญญา ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นหลักประกันให้กับพ่อค้า ผู้รับซื้อ ผู้ส่งออก และเป็นหลักประกันให้เกษตรกร เซ็นสัญญาเตรียมส่งออกและกระจายไปตลาดทั่วประเทศล่วงหน้า
ทั้งนี้ จะทำให้เกษตรกรมีหลักประกันว่าอย่างน้อยจะขายได้ราคาตามที่กำหนด เป็นสัญญามาตรฐานที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ พัฒนาจากพระราชบัญญัติเกษตรพันธสัญญา ถ้าราคาสูงกว่าที่ทำสัญญาให้ซื้อตามราคาตลาด แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่ทำสัญญา เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้และพ่อค้ามีสินค้าแน่นอน ซึ่งวันนี้มีเกษตรกร 15 กลุ่ม จากจังหวัดสุโขทัยและอุตรดิตถ์ จำนวน 1,200 ราย มีผู้ซื้อ 9 ราย ผู้ประกอบการ 5 ห้าง และผู้ประกอบการล้ง 4 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด 2. บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด 3. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด 4. บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 5. บจก.เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม (โลตัส) และผู้ประกอบการ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท มาตา เทรดดิ้ง จำกัด 2. บริษัท เอ็มที ฟรุ๊ตแลนด์ จำกัด 3. บริษัท ล่ำซำ เฟรช ฟรุ๊ต จำกัด และ 4. บริษัท วินเทคซาวด์ จำกัด มาร่วมลงนาม MOU วันนี้ทั้งหมด 7,500 ตัน จากผลผลิตภาคเหนือทั้งหมด 21,000 ตัน คิดเป็น 35% ของผลผลิตทั้งปี จะช่วยดึงราคา เป็นการชี้นำราคา โดยราคากำหนดว่า เกรดส่งออกต้องไม่ต่ำกว่า 20-80 บาท/กก. แล้วแต่กรณี ซึ่งปีที่แล้วราคา 13-18 บาท/กก. ดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน ส่วนเกรดคละรับซื้อไม่ต่ำกว่า 15-50 บาท/กก. ซึ่งราคาปีที่แล้ว 9-14 บาท/กก.
นอกจากนี้ จะมีการมอบกล่องไปรษณีย์ให้กับจังหวัดอุตรดิตถ์ 5,000 กล่อง และจังหวัดสุโขทัย 5,000 กล่อง เพื่อให้เกษตรกรนอกจากขายผ่านเกษตรพันธสัญญาแล้ว ขายผ่านระบบออนไลน์ด้วย ขายตรงระหว่างเกษตรกรให้ผู้บริโภคต้องส่งไปรษณีย์ กระทรวงพาณิชย์บริการกล่องฟรี ลดต้นทุนให้กับเกษตรกร กำไรก็จะตกกับเกษตรกรได้เต็มที่ ซึ่งไปรษณีย์ไทยให้ความร่วมมือดีมาโดยตลอด
ส้มโอที่ปลูกเยอะและมีคุณภาพมากที่สุดที่หนึ่ง คือที่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ผลผลิตเฉพาะ จ.พิจิตร ปีละ 48,000 ตัน เฉพาะที่ อ.โพธิ์ประทับช้าง ที่เดียวถึง 37,000 ตัน สามารถส่งออกไปได้หลายประเทศ ปีที่แล้วส่งออกได้ 30,000 ตัน นำเงินเข้าประเทศกว่า 1,061 ล้านบาท ตลาดใหญ่สุดคือ ตลาดจีน 81% ฮ่องกง 13.5% เวียดนาม 2.6% ลาว 0.4% สิงคโปร์ 0.2% และปีนี้เฉพาะ 6 เดือนแรก ม.ค.-มิ.ย. ส่งออกไปแล้ว 16,500 ตัน คิดเป็นเงิน 563 ล้านบาท +1.15% และปีนี้มีข่าวดี เราสามารถส่งออกไปญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรกแล้ว ขอแสดงความยินดีกับเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังได้เป็นประธานสักขีพยานพิธีลงนามสัญญาข้อตกลงมาตรฐานของกรมการค้าภายใน ในการซื้อขาย “ลองกอง” จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ปริมาณรวม 7,500 ตัน ซึ่งผู้ลงนามสัญญา ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกร 15 กลุ่ม เป็นจังหวัดอุตรดิตถ์ 13 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรกร ต.นานกกก อ.ลับแล จำนวน 9 กลุ่ม กลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียน ต.ฝายหลวง อ.ลับแล กลุ่มชาวสวนผลไม้แม่พูล อ.ลับแล กลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียน อ.เมืองอุตรดิตถ์ และกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ และจังหวัดสุโขทัย จำนวน 2 กลุ่ม ประกอบด้วย วิสาหกิจชุมชนแปรรูปห้วยตม อ.ศรีสัชนาลัย และวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกผลไม้บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย เป็นต้น. – สำนักข่าวไทย