ไมแอมี 16 มี.ค.- วารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์รายงานว่า สตรีสูงวัยชาวอเมริกัน 3 คนตาบอดหลังจากรับการรักษาด้วยการฉีดสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อไขมันช่องท้อง
สตรีทั้ง 3 คนอายุ 72-88 ปี รับการรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมที่รัฐฟลอริดาในปี 2558 โดยคิดว่าเข้าร่วมในการทดลองเชิงคลีนิกที่ถูกกฎหมาย เนื่องจากใช้ชื่อโครงการว่า “การศึกษาเพื่อประเมินความปลอดภัยและผลกระทบของการฉีดสเต็มเซลล์เซลล์เข้าไปในจอประสาทตาเสื่อม” ในหน้าเว็บไซต์การวิจัยของรัฐบาลสหรัฐ โดยอ้างว่าใช้สเตมเซลล์จากไขมันที่จะทำให้กลับมามองเห็นดังเดิม แต่คนไข้กลับเกิดอาการแทรกซ้อนฉับพลัน จอประสาทตาลอกและเลือดออก ทำให้ตาบอดโดยสิ้นเชิง นักวิจัยนำเซลล์ไขมันที่สกัดจากช่องท้องมาผ่านเอ็นไซม์เพื่อให้เกิดสเต็มเซลล์ จากนั้นนำสเต็มเซลล์มาผสมกับพลาสมาที่เต็มไปด้วยเกล็ดเลือดแล้วฉีดเข้าไปในลูกตาคนไข้ ผู้เขียนบทความชิ้นนี้สันนิษฐานว่า อาจเกิดการปนเปื้อนระหว่างกระบวนการผสม หรือสเต็มเซลล์เปลี่ยนเป็นเซลล์ชนิดอื่นทันทีที่ฉีดเข้าไป
แวดวงผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นว่า ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการฉีดสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมันจะช่วยรักษาการมองเห็นได้ เพราะจนถึงขณะนี้มีการศึกษาน้อยมากว่าสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อไขมันจะพัฒนาไปเป็นเซลล์จอประสาทตาได้ อีกทั้งคณะผู้วิจัยยังฉีดสเต็มเซลล์ให้แก่ตาคนไข้ทั้งสองข้างในเวลาเดียวกัน ทั้งที่ควรทำทีละข้างเพื่อดูผลการรักษาก่อน นอกจากนี้คนไข้ยังต้องจ่ายเงินค่ารักษาคนละ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 175,540 บาท) ทั้งที่ปกติแล้วการเข้าร่วมการทดลองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย บ่งชี้ว่าการรักษานี้อาจเป็นการหลอกลวง.- สำนักข่าวไทย