ย่างกุ้ง 9 ม.ค. – นางยังฮี ลี ทูตพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เดินทางถึงเมียนมาร์ตามกำหนดการเยือนเป็นระยะเวลา 12 วันท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับปฎิบัติการกวาดล้างชาวมุสลิมโรฮิงญาของรัฐบาลเมียนมาร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติแถลงว่า นางลีมีกำหนดการเดินทางไปยังตอนเหนือของรัฐยะไข่ นครย่างกุ้ง กรุงเนปิดอว์ และรัฐคะฉิ่นทางตอนเหนือของเมียนมาร์ ซึ่งเกิดเหตุการปะทะกันระหว่างกองทัพของรัฐบาลและขบวนการเรียกร้องเอกราช นางลีกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแสดงให้ว่า ประชาคมโลกต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาร์อย่างใกล้ชิด
นับแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีด่านพรมแดนของเมียนมาร์ฝั่งติดกับบังกลาเทศที่มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 9 รายเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม โดยทางการเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา ทำให้กองทัพเริ่มปฏิบัติการกวาดล้าง จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 86 คน นอกจากนี้ ยูเอ็นยังเผยอีกว่าพลเมืองราว 34,000 คนต้องลี้ภัยข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศนับแต่นั้นมา ชาวบ้านและผู้ลี้ภัยต่างกล่าวหากองทัพของรัฐบาลเมียนมาร์ว่า พยายามฆ่า ข่มขืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวพลเมือง รวมถึงเผาหมู่บ้านของชาวโรฮิงญาบริเวณพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือรัฐยะไข่ แต่รัฐบาลนำโดยนางออง ซาน ซู จี ผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมยืนกรานว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการต่อต้านการก่อความไม่สงบภายใต้บริบทกฎหมาย
นอกจากนี้ นางลีจะเดินทางไปตรวจสอบผลกระทบต่อพลเมืองจากการสู้รบระหว่างกองทัพทหารและกลุ่มกบฏในรัฐคะฉิ่นและรัฐฉาน ที่เธอระบุว่ากำลังทำให้เกิดความสั่นคลอนในแนวทางการปกครองในปีแรกของรัฐบาลใหม่ ด้านนายซอว์ ฮเตย์ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาร์กล่าวว่า รัฐบาลจะให้การคุ้มกันนางลีระหว่างการเดินทางเยือนพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงเตรียมที่จะส่งตัวแทนเยือนบังกลาเทศ เพื่อหารือถึงสถานการณ์บริเวณพรมแดนในวันที่ 11-13 มกราคม.-สำนักข่าวไทย