โตเกียว 5 พ.ค.- พนักงานศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าหรือคอลเซ็นเตอร์ในญี่ปุ่นยังคงเสี่ยงติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แม้ทางการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เพราะยังคงต้องทำงานในสภาพแออัด เนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลมากกว่าความปลอดภัยของคนทำงาน
ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมามีพนักงานคอลเซ็นเตอร์ของการไปรษณีย์ 17 คนในจังหวัดฮอกไกโดและพนักงานธุรกิจสั่งซื้อทางไปรษณีย์ในเมืองเกียวโต 11 คน ติดโควิด-19 พนักงานคอลเซ็นเตอร์ในกรุงโตเกียวคนหนึ่งเผยว่า ยังคงต้องทำงานในที่แออัดและเสี่ยงติดเชื้อ แม้ว่าน้อยลงจากช่วงปกติที่มีพนักงานเกือบ 80 คนนั่งห่างกันไม่ถึง 1 เมตรและไม่มีฉากกั้นก็ตาม พนักงานอีกคนตั้งคำถามว่า เหตุใดต้องเสี่ยงชีวิตมารับสายที่โทรมาถามเรื่องไม่เร่งด่วนทั้งวันเพราะคนอยู่บ้านกันมากขึ้นจึงมีเวลาว่างมากขึ้น รอยเตอร์อ้างว่า ได้พูดคุยกับพนักงานคอลเซ็นเตอร์ 8 แห่งในหลายพื้นที่ ทุกคนบอกตรงกันว่าห่วงเรื่องสภาพการทำงานที่ทำให้เสี่ยงติดโควิด-19
ญี่ปุ่นมีคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 250,000 แห่ง พนักงานส่วนใหญ่เป็นสัญญาจ้าง มีความมั่นคงในอาชีพน้อยกว่าพนักงานประจำ สหภาพแรงงานเผยว่า พนักงานที่ขอหยุดงานได้รับคำเตือนว่าจะเป็นอันตรายต่อหน้าที่การงาน พนักงานสัญญาจ้างคนหนึ่งเผยว่า บริษัทอ้างว่าไม่สามารถให้คนทำงานจากบ้านได้เพราะลูกค้าจะร้องเรียนหากไม่มีพนักงานประจำอยู่ที่ร้าน รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนาน 1 เดือนใน 7 จังหวัดรวมทั้งจังหวัดโตเกียวตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน-6 พฤษภาคม ก่อนขยายเป็นทั่วประเทศและขยายไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ตั้งเป้าลดการติดต่อระหว่างบุคคลลงร้อยละ 70-80 แต่ข้อมูลของกูเกิลพบว่า การเดินทางไปทำงานลดลงเพียงร้อยละ 27 เท่านั้น ผลการสำรวจเมื่อปีก่อนพบว่า คอลเซ็นเตอร์เกือบร้อยละ 80 ไม่มีโครงการให้พนักงานทำงานจากบ้าน ส่วนใหญ่อ้างเรื่องเกรงข้อมูลรั่วไหล.- สำนักข่าวไทย