ปากีสถานเผชิญฝนตกหนักจากพายุ

ปัญจาบ 18 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ปากีสถานเปิดเผยวานนี้ว่า ฝนตกหนักจากมรสุมในแคว้นปัญจาบของปากีสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 63 คน และบาดเจ็บเกือบ 300 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจากฝนตกหนักเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 159 คน นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและอาคารถล่ม โดยสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากการที่หลังคาบ้านพังถล่มเนื่องจากบ้านเรือนอยู่ในสภาพที่ไม่แข็งแรง รายงานของสำนักงานจัดการภัยพิบัติในท้องถิ่นระบุว่า นับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน ฝนจากมรสุมได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 103 คน และทำให้มีผู้บาดเจ็บ 393 คน เฉพาะในแคว้นปัญจาบเพียงแห่งเดียว นอกจากนี้ บ้านเรือนกว่า 120 หลังได้รับความเสียหาย และปศุสัตว์เสียชีวิต 6 ตัวขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติเปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศอยู่ที่อย่างน้อย 159 คน นับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน และระบุว่ามีบ้านเรือนเสียหายมากกว่า 1,000 หลัง นายฟารุก ดาร์ รองผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติของปากีสถาน เปิดเผยว่า ฝนจะยังคงตกต่อเนื่องไปอีกสามวัน และคาดว่าจะมีฝนตกอีกระลอกในสุดสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนเหนือ ฝนจากมรสุมเป็นส่วนหนึ่งของสภาพภูมิอากาศตามปกติในเอเชียใต้ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการชลประทานพืชผลและการเติมเต็มแหล่งน้ำ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบเชิงลบได้เลวร้ายลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา […]

‘ทรัมป์’ เตรียมเยือนปากีสถานเดือนกันยายน

อิสลามาบัด 17 ก.ค. – สถานีโทรทัศน์ข่าวท้องถิ่นสองแห่งของปากีสถานรายงานวันพฤหัสบดี อ้างแหล่งข่าววงในคาดหมายว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ว่าจะเดินทางเยือนปากีสถานในเดือนกันยายนนี้ หากว่านายทรัมป์เยือนปากีสถานจริง การเยือนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของประธานาธิบดีสหรัฐในรอบเกือบสองทศวรรษ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เคยเดินทางเยือนปากีสถานเมื่อปี 2006 แต่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศปากีสถานกล่าวว่า เขาไม่ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเยือนของนายทรัมป์ในครั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ข่าวทั้งสองแห่งระบุว่า หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนกรุงอิสลามาบัดในเดือนกันยายนแล้วนายทรัมป์จะเดินทางเยือนอินเดียต่อ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-ปากีสถานใกล้ชิดมากขึ้นเมื่อนายทรัมป์เป็นเจ้าภาพต้อนรับพลเอกอาซิม มูเนียร์ ผู้บัญชาการทหารบกปากีสถาน ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว ในการประชุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.-813.-สำนักข่าวไทย

ปากีสถานยึดสิงโต 18 ตัว ลักลอบเลี้ยง

ละฮอร์ 9 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ปากีสถานยึดสิงโต 18 ตัวที่มีผู้ลักลอบเลี้ยง หลังเกิดเหตุสิงโตหลุดทำร้ายคนในเมืองละฮอร์เมื่อสัปดาห์ก่อน จนมีผู้บาดเจ็บ 3 คน สิงโตเพศเมียตัวหนึ่งไม่รู้หลุดมาจากไหน กระโจนลงจากกำแพงเข้าตะปบหญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินในตรอกแคบๆ ในเมืองละฮอร์ แคว้นปันจาบ ช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่แล้ว จากนั้นไปทำร้ายเด็กอีก 2 คน ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ต่อมา เจ้าหน้าที่สามารถตามจับสิงโตตัวนี้ได้ พบว่าเป็นสิงโตเลี้ยง จึงสืบหาจนทราบตัวเจ้าของก่อนจับกุมจากความผิดข้อหาเลี้ยงสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และปล่อยปละละเลยจนสิงโตที่เลี้ยงไว้หลุดออกมาทำร้ายชาวบ้าน ต่อมาในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่สำนักอุทยานและสัตว์ป่าของปากีสถานปฏิบัติการบุกยึดสิงโตที่ถูกลักลอบเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงโดยไม่มีใบอนุญาต ที่เมืองละฮอร์ แคว้นปัญจาบ สามารถยึดสิงโต 18 ตัวจากบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเจ้าของบ้านเลี้ยงไว้ รวมถึงสิงโตตัวที่หลุดไปทำร้ายชาวบ้าน ซึ่งในเวลานี้ เจ้าของสิงโตถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวแล้ว สำหรับสิงโตทั้งหมดที่ถูกยึดมาจะถูกส่งไปยังซาฟารีพาร์กในท้องถิ่น การเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ รวมทั้งการเลี้ยงสิงโต ได้รับความนิยมในปากีสถานเพื่อเป็นเครื่องแสดงออกถึงฐานะ ซึ่งจากกฎข้อบังคับที่ออกใหม่ในการเลี้ยงเสือและสิงโต บุคคลทั่วไปจะต้องมีใบอนุญาตในการเลี้ยงสัตว์ดังกล่าว ต้องมีกรงตามขนาดที่กำหนด และต้องปฏิบัติตามขั้นตอนมาตรฐานต่าง ๆ หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี เจ้าหน้าที่สำนักอุทยานและสัตว์ป่าเปิดเผยว่า เฉพาะที่แคว้นปัญจาบ พบว่ามีสิงโตถูกเลี้ยงในบ้านและฟาร์มเพาะพันธุ์ต่าง ๆ มากถึง 584 […]

ยอดผู้เสียชีวิตเหตุอาคารถล่มในนครการาจีเพิ่มเป็น 12 ราย

การาจี, ปากีสถาน 5 ก.ค. – เจ้าหน้าที่หน่วยบริการฉุกเฉินปากีสถานเปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารที่พักอาศัยหลายชั้นในพื้นที่ “ลายารี” (Lyari) ของนครการาจี ในปากีสถาน ถล่มลงมาเมื่อวันศุกร์ เพิ่มขึ้นเป็น 12 รายแล้ว ขณะที่ปฏิบัติการกู้ภัยยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ทีมค้นหาและกู้ภัยทำงานตลอดทั้งคืน โดยใช้เครื่องจักรขุดดินเพื่อขจัดซากปรักหักพังและเศษวัสดุอาคาร เจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการฉุกเฉินระบุว่า มีผู้บาดเจ็บอีก 5-6 ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จากมูลนิธิเอดี (Edhi Foundation) องค์กรการกุศลและสวัสดิการสังคมที่ไม่แสวงหาผลกำไรในประเทศปากีสถาน เปิดเผยว่า ทางการเคยประกาศก่อนหน้านี้แล้วว่า อาคารดังกล่าวเป็นอาคารที่ไม่ปลอดภัยและไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย และมีการออกประกาศเตือนภายใต้อำนาจของสำนักงานควบคุมอาคารสินธ์ (Sindh Building Control Authority) ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมและกำกับดูแลการก่อสร้างอาคารในแคว้นสินธ์ (Sindh) แม้จะมีคำเตือนดังกล่าว แต่ครอบครัวบางส่วนยังคงอาศัยอยู่ในอาคารหลังนี้ จนกระทั่งเกิดเหตุถล่มลงมาทั้งหลังในที่สุด.-813.-สำนักข่าวไทย

ชาวปากีสถานอพยพออกจากอิหร่าน

เควตตา 18 มิ.ย. – นักศึกษาและผู้แสวงบุญชาวปากีสถานกว่า 750 คน อพยพข้ามพรมแดนจากอิหร่านเข้ามาในประเทศ เพื่อหนีภัยสงครามที่กำลังมีการสู้รบกันอยู่ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล เจ้าหน้าที่เมืองเควตตา เมืองเอกของจังหวัดบาโลจิสถาน ซึ่งมีพรมแดนติดกับอิหร่าน บอกว่าขณะนี้มีผู้แสวงบุญ 545 คน และนักศึกษา 207 คน เดินทางมาถึงเมืองเก็ตตาแล้ว และทางการเตรียมจะส่งกลับบ้านต่อไป เวลานี้ปากีสถานได้ปิดด่านพรมแดนปังกูร์อย่างไม่มีกำหนด ส่วนด่านทาฟทัน ยังคงเปิดทำการ เพื่ออำนวยความสะดวกในเดินทางกลับเข้าประเทศ และเพื่อทำการค้าต่อไป ขณะที่มีกลุ่มนักศึกษาแพทย์และวิศวกรรมชาวปากีสถาน เดินทางจากกลับอิหร่านผ่านด่านแห่งนี้แล้ว 214 คน.-816.-สำนักข่าวไทย

Prison in Pakistan where hundreds of inmates escape after earthquakes

นักโทษหลายร้อยฉวยโอกาสหนีแผ่นดินไหวปากีสถาน

การาจี 3 มิ.ย.- ผู้ต้องขังมากกว่า 200 คน ฉวยโอกาสหลบหนีจากเรือนจำในปากีสถานเมื่อกลางดึกวานนี้ หลังจากได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องขังไปรวมตัวที่ลานกว้าง เพราะเกิดแรงสั่นสะเทือนหลายระลอกจากแผ่นดินไหว เหตุเกิดที่นครการาจี เมืองใหญ่ที่สุดที่อยู่ทางตอนใต้ของปากีสถาน นายเซีย อุล ฮาซัน ลันจาร์ รัฐมนตรียุติธรรมแคว้นสินธ์ที่มีการาจีเป็นเมืองหลวงเปิดเผยในที่เกิดเหตุว่า แรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวทำให้สถานการณ์ที่เรือนจำเต็มไปด้วยความโกลาหล และเป็นการยากสำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะควบคุมผู้ดูแลต้องขัง ซึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้างเป็นจำนวนมากถึง 1,000 คน การหลบหนีเกิดขึ้นในช่วงก่อนเที่ยงคืนวันจันทร์เข้าสู่เช้ามืดวันอังคาร ถือเป็นการหลบหนีจากเรือนจำครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในปากีสถาน เรือนจำดังกล่าวตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยของคนยากจน ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ต้องขังแย่งปืนจากผู้คุมเรือนจำ ทำให้เกิดการยิงกัน จากนั้นผู้ต้องขังพากันไปพังประตูใหญ่ของเรือนจำหลบหนีไป รอยเตอร์รายงานว่า กระจกหน้าต่างในเรือนจำถูกทุบแตก เครื่องใช้ไฟฟ้าพังเสียหาย และข้าวของในห้องพบญาติถูกรื้อค้น สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแพร่ภาพผู้ต้องขังวิ่งหนี หลายคนวิ่งเท้าเปล่า โดยมีตำรวจไล่ตามและจับกุมผู้ต้องขังขึ้นรถตำรวจได้บางส่วน ตำรวจระบุว่า ผู้ต้องขังที่หลบหนีส่วนใหญ่กระทำความผิดไม่ร้ายแรง เช่น เสพยาเสพติด นายมูรัด อาลี ชาห์ มุขมนตรีแคว้นสินธ์เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้จับกุมผู้ต้องขังกลับมาได้แล้วราว 80 คน เขาได้ตำหนิเจ้าหน้าที่เรือนจำที่อนุญาตให้ผู้ต้องขังออกจากห้องขัง และเตือนผู้หลบหนีให้กลับมามอบตัว ไม่เช่นนั้นจะถูกตั้งข้อหาร้ายแรงจากการหลบหนีจากเรือนจำ.-814.-สำนักข่าวไทย

Traffic during dust storm in Pakistan’s Punjab

พายุในปากีสถานทำคนเจ็บ-ตายกว่า 50 คน

ปัญจาบ 25 พ.ค. – ปากีสถานแถลงยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน และได้รับบาดเจ็บ 45 คน จากเหตุเกี่ยวกับพายุที่เกิดขึ้นทั่วแคว้นปัญจาบ ทางตอนกลางค่อนไปทางตะวันออกของประเทศ สำนักงานจัดการภัยพิบัติระดับจังหวัดหรือพีดีเอ็มเอ (PDMA) ของปากีสถานแถลงว่า การเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากอาคารและโครงสร้างที่ไม่ปลอดภัยพังเสียหาย ในช่วงที่เกิดพายุฝุ่นรุนแรงและฝนตกหนัก ในหลายพื้นที่เมื่อวันเสาร์ นอกจากนี้ที่เมืองลาฮอร์ เมืองเอกของแคว้นปัญจาบ พายุทำให้ต้นไม้หักโค่น แผงโซลาร์เซลล์ได้รับความเสียหาย พีดีเอ็มเอ ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยอ้างว่า เฉพาะเมืองลาฮอร์เพียงแห่งเดียว มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 51 คน พายุฝุ่นและฝนตกหนักเกิดขึ้นทั่วแคว้นปัญจาบ หลังจากหลายพื้นที่ของปากีสถานเกิดคลื่นความร้อนต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติของปากีสถานออกประกาศเตือนเรื่องกระแสลมแรงและพายุฝนฟ้าคะนองที่อาจทำให้ต้นไม้ล้ม และอาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าดับชั่วคราว.-814.-สำนักข่าวไทย

อินเดียเรียกร้องไอเออีเอควบคุมนิวเคลียร์ปากีสถาน

นิวเดลี 16 พ.ค. – รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอินเดีย แถลงวานนี้เรียกร้องให้สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ เข้าดูแลควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ของปากีสถาน อินเดียยังได้ตั้งคำถามด้วยว่าอาวุธนิวเคลียร์มีความปลอดภัยหรือไม่ เมื่ออยู่ในมือของประเทศที่ไม่มีความรับผิดชอบเช่นนี้ ท่าทีของรัฐมนตรีกลาโหมอินเดียเกิดขึ้นขณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหารในเมืองศรีนคร เมืองเอกของรัฐจัมมูและแคชเมียร์ ของอินเดีย หลังทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจากปะทะต่อสู้กันนาน 4 วัน ก่อเกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินกันทั้งสองฝ่าย.-815.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์อินเดีย-ปากีสถานเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

นิวเดลี 13 พ.ค. – สถานการณ์ระหว่างอินเดียและปากีสถานเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง หลังมีการหยุดยิงไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จากแรงกดดันของสหรัฐ บรรยกาศที่เมืองมูซัฟฟาราบัด เมืองเอกของเขตแคชเมียร์ที่อยู่ในการปกครองของปากีสถาน ตลาดเริ่มเปิดทำการอีกครั้ง ผู้คนออกมาจับจ่ายและเดินทางกันตามปกติ หลังการสู้รบกับอินเดียยุติลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่วนที่อินเดียเมื่อวานนี้เริ่มเปิดทำการสนามบิน 32 แห่งที่ต้องปิดตัวลงในระหว่างที่มีการสู้รบ แต่สถานการณ์ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติทั้งหมด โรงเรียนในบางพื้นที่ยังต้องปิดทำการต่อไป แม้ว่าอินเดียและปากีสถานตกลงหยุดยิงกันไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ดี กองทัพอินเดียระบุว่าเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมานับเป็นคืนแรกไม่มีการโจมตีข้ามพรมแดน ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียออกมาแสดงความเห็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ โดยยื่นคำขาดต่อปากีสถานว่าจะต้องกำจัดโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายทั้งหมดหากต้องการได้รับความช่วยเหลือ และหากอินเดียจะเจรจากับปากีสถานก็จะมีแต่เรื่องการก่อการร้ายเท่านั้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ในแคชเมียร์ และอินเดียจะบอกให้โลกรู้ด้วยเช่นกัน อินเดียและปากีสถานตกลงหยุดยิงไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลังจาก 4 วันก่อนหน้านั้นเกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรงจากปมสังหารนักท่องเที่ยว 26 คนในฝั่งแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อเดือนที่แล้ว การหยุดยิงมีขึ้นโดยมีสหรัฐเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่ารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ช่วยยุติการสู้รบระหว่างอินเดียกับปากีสถานได้ไม่เช่นนั้นอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาซึ่งจะทำให้ผู้คนนับล้านต้องล้มตาย นายทรัมป์บอกด้วยว่าเขาพร้อมช่วยเหลือทั้งสองประเทศในด้านการค้า แต่ถ้าไม่หยุดรบก็ทำการค้าไม่ได้ และว่าขณะนี้สหรัฐกำลังเจรจาการค้าอยู่กับอินเดียและหลังจากนี้ก็จะเจรจากับปากีสถานด้วยเช่นกัน.-816.-สำนักข่าวไทย

ธุรกิจตามพรมแดนอินเดียกลับมาเปิดอีกครั้ง

นิวเดลี 13 พ.ค. – สถานการณ์ในหลายเมืองของอินเดียที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนปากีสถานเริ่มกลับมาเป็นปกติ ประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของและเดินทางไปทำงานตั้งแต่เมื่อวานนี้ ธุรกิจห้างร้านเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากอินเดียและปากีสถานบรรลุข้อตกลงหยุดยิงมาตั้งแต่เย็นวันเสาร์ ขณะที่ชาวบ้านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาต้องการสันติภาพยั่งยืน ไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอีก เพราะชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดผวาตลอดหลายวันที่ผ่าน จากการยิงโจมตีตอบโต้กันข้ามพรมแดนระหว่างปากีสถานกับอินเดีย.-815.-สำนักข่าวไทย

วิเคราะห์เบื้องหลังอินเดีย-ปากีสถานยอมหยุดยิง

เดลี 11 พ.ค.- สื่ออังกฤษรายงานอ้างการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญถึงสาเหตุที่ทำให้อินเดียและปากีสถานตกลงหยุดยิงทันที หลังจากที่ปะทะกันมาตลอด 4 วัน จนจุดกระแสวิตกเรื่องสถานการณ์จะบานปลาย เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) อ้างผู้เชี่ยวชาญว่า คณะเจรจาของสหรัฐ ช่องทางการทูตหลังบ้าน และผู้มีบทบาทระดับภูมิภาคล้วนอยู่เบื้องหลังการดึง 2 ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ออกมาจากปากเหวการทำสงคราม หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายกล่าวหากันว่า ยิงขีปนาวุธโจมตีที่ตั้งทางทหารของอีกฝ่าย และอ้างว่าสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่อีกฝ่าย ทันวี มาดาน นักวิจัยหญิงของสถาบันบรุกกิงส์ในสหรัฐชี้ว่า การที่นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐโทรศัพท์หานายอาซิม มูนีร์ ผู้บัญชาการกองทัพบกปากีสถานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เธอระบุว่า แม้ว่ายังไม่มีข้อมูลมากนักว่า ผู้มีบทบาทระดับสากลได้ดำเนินการอย่างไร แต่ชัดเจนว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมามีอย่างน้อย 3 ประเทศ คือ สหรัฐ สหราชอาณาจักร และซาอุดีอาระเบีย ร่วมกันคลี่คลายความตึงเครียด สิ่งที่น่าคิด คือ หากนายรูบิโอโทรศัพท์เร็วกว่านี้ หลังจากที่อินเดียปิดฉากถล่มพื้นที่ในปากีสถานเมื่อวันที่7 พฤษภาคม อาจช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามได้ นายอีจาซ เฮเดอร์ นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมในปากีสถานมองว่า สหรัฐยังคงแสดงบทบาทคนกลางคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถานเหมือนที่เป็นมา […]

“มนพร” เกาะติดสถานการณ์ อินเดีย-ปากีสถาน ปิดเส้นทางบิน

“มนพร” สั่งวิทยุการบินฯ รายงานสถานการณ์ อินเดีย – ปากีสถาน กระทบเที่ยวบินจากไทยไปยุโรป ด้าน ICAO ตั้งคณะทำงานหารือแนวทางลดผลกระทบด้านการบิน ดึงวิทยุการการบินฯ ร่วมด้วย

1 2 3 43
...