คิกาลี 7 ส.ค.- สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ซึ่งมีปัญหาอีโบลาระบาดมานานกว่าปีเห็นพ้องกับรวันดาที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านว่า จะจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดนที่ไม่จำเป็น เพื่อสกัดการแพร่ระบาด
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขคองโกแถลงร่วมกับรวันดาหลังหารือกันที่เขตราบาวู จังหวัดเวสต์เทิร์นของรวันดาเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้ที่จะเดินทางข้ามพรมแดนสองประเทศด้วยเหตุผลที่ไม่จำเป็น เช่น ไปร่วมสัมมนา ไปร่วมพิธีทางศาสนา จะต้องได้รับอนุญาตจากทางการทั้งสองประเทศ เป็นหนึ่งในมาตรการที่ทั้งสองประเทศตกลงร่วมกันเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาที่คร่าชีวิตคนในคองโกแล้วกว่า 1,800 คน นับจากพบผู้ป่วยครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมปีก่อน เป็นการระบาดครั้งร้ายแรงที่สุดนับจากการระบาดในหลายประเทศแอฟริกาตะวันตกปี 2557 ที่มีคนล้มตายมากกว่า 11,000 คน
คองโกและรวันดาตกลงจำกัดการเดินทางดังกล่าว แม้ว่าองค์การอนามัยโลกเตือนไม่ให้ทำเพราะเกรงว่าจะทำให้ผู้เดินทางเลี่ยงการผ่านด่านทางการที่มีการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ แล้วข้ามพรมแดนในจุดที่ไม่มีการตรวจคัดกรอง ส่งผลให้โรคที่มีอัตราการแพร่ระบาดสูงอยู่แล้ว ยิ่งแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น เดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีชาวคองโกสามคนผ่านพรมแดนที่ไม่มีตรวจตราเข้าไปในยูกันดาแล้วเสียชีวิต ครอบครัวพวกเขาถูกนำตัวกลับมารักษาในประเทศ แต่ยูกันดาก็ยังคงไม่ปิดพรมแดนด้านที่ติดกับคองโก ขณะที่รวันดาปิดเมื่อสัปดาห์ก่อนหลังมีการยืนยันว่า พบผู้ป่วยที่เมืองโกมาของคองโกที่มีประชากรกว่า 2 ล้านคน และอยู่ห่างจากพรมแดนรวันดา เพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น รัฐบาลคองโกประณาม ทำให้รวันดายอมเปิดพรมแดนในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา
องค์การอนามัยโลกเพิ่งประกาศให้อีโบลาระบาดในคองโกเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกเมื่อเดือนก่อน ทำให้องค์กรสากลต่าง ๆ รับปากจะบริจาคเงินให้หลายล้านดอลลาร์สหรัฐ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางคนติงว่า จะต้องเร่งแก้ไขความเข้าใจผิด ๆ ในชาวคองโกที่ไม่เคยประสบโรคนี้มาก่อน อีโบลาติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งผู้ป่วยและต้องเร่งรับการรักษาโดยเร็ว แต่ชาวคองโกจำนวนมากไม่เชื่อว่าไวรัสนี้มีจริงและเลือกที่จะรักษาตัวที่บ้าน ทำให้คนที่บ้านติดเชื้อไปด้วย.-สำนักข่าวไทย