ลอนดอน 29 พ.ค. – หลายฝ่ายจับตามองว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลังจากศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ มีคำสั่งระงับการบังคับใช้มาตรการส่วนใหญ่ในมาตรการภาษีใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) อ้างนายจอห์น เลียวนาร์ด อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนหรือซีบีพี (CBP) ของสหรัฐว่า ยังไม่ชัดเจนเรื่องสิ่งที่จะเกิดขึ้นทันทีหลังจากนี้ เนื่องจากจะต้องผ่านกระบวนการอุทธรณ์หลายชั้น หากรัฐบาลยื่นอุทธรณ์ไม่สำเร็จ และทุกศาลพิพากษายืนตามคำสั่งศาลการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจที่ได้จ่ายภาษีไปแล้วจะได้รับภาษีคืนพร้อมดอกเบี้ย
คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลการค้าระหว่างประเทศซึ่งตั้งอยู่ในย่านแมนฮัตตันของนครนิวยอร์กมีคำสั่งเมื่อวานนี้ว่า กฎหมายอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉิน (IEEPA) ปี 2520 ที่รัฐบาลนำมาใช้อ้างในการขึ้นภาษี ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีแต่เพียงฝ่ายเดียวในการประกาศขึ้นภาษีกับเกือบทุกประเทศ (Worldwide and Retaliatory Tariff Orders) เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้รัฐสภามีอำนาจสิทธิขาดจำเพาะในการกำกับดูแลการค้ากับประเทศอื่น การใช้อำนาจปกป้องเศรษฐกิจของประธานาธิบดีจึงไม่สามารถแทนที่อำนาจนี้ได้ ศาลให้เวลารัฐบาลดำเนินการระงับการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน แม้ว่ามาตรการส่วนใหญ่อยู่ภายใต้คำสั่งระงับแล้วก็ตาม

ศาลการค้าระหว่างประเทศมีคำสั่งตามที่ศูนย์ยุติธรรมเสรีภาพ (Liberty Justice Center) ยื่นฟ้องในนามธุรกิจขนาดเล็ก 5 แห่งที่นำเข้าสินค้าจากประเทศที่ถูกขึ้นภาษี นับเป็นการยื่นฟ้องคดีแรกต่อมาตรการภาษีที่นายทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ที่เขาเรียกว่าเป็นวันปลดแอก ขณะที่รัฐบาลสหรัฐได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลทันที
นอกจากนี้ศาลการค้าระหว่างประเทศยังมีคำสั่งระงับมาตรการภาษีที่รัฐบาลประกาศใช้ต่างหากกับจีน เม็กซิโกและแคนาดาด้วยการอ้างเรื่องผู้อพยพผิดกฎหมายและเฟนทานิลที่เป็นยาแก้ปวดชนิดแรงทะลักเข้าสหรัฐ ส่วนเรื่องที่รัฐบาลขึ้นภาษีสินค้าเฉพาะบางประเภท เช่น ยานยนต์ เหล็กและอลูมิเนียม ผู้ร้องไม่ได้ยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งในเรื่องนี้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายฉุกเฉินที่นายทรัมป์นำมาใช้.-814.-สำนักข่าวไทย