วอชิงตัน 19 ส.ค.- ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวของสหรัฐรายงานรายละเอียดบรรยากาศการประชุมเรื่องยูเครนระหว่างผู้นำสหรัฐ ยูเครน และยุโรป เมื่อวานนี้ว่า ผู้นำหลายคนได้เรียนรู้เรื่องวิธีการเอาใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นายชอน แมคครีช ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวที่รายงานข่าวให้แก่หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ เขียนบทความลงวันที่ 18 สิงหาคม หลังจากการประชุมดังกล่าวเสร็จสิ้นลงว่า ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ผู้นำโลกตะวันตกได้ลงทะเบียนเรียนวิชา “ทรัมป์วิทยา” (Trumpology) ด้วยการเดินทางมายังกรุงวอชิงตัน ทีละคน เรียนรู้ทุกบทเรียนเพื่อที่จะรับมือให้ได้ดีที่สุดกับชายผู้รับมือยากที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ในห้องสีทองรูปไข่ และได้ใช้สิ่งที่เรียนมาทั้งหมดในการประชุมกับนายทรัมป์ เรื่องยูเครนเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม
นายแมคครีช ระบุว่า ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เป็นผู้ที่ดูเหมือนจะได้เรียนรู้มากที่สุดหลังจากมาเยือนทำเนียบขาวครั้งหลังสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ครั้งนั้นเขาถูกล้อเรื่องไม่สวมสูท ถือว่าไม่ให้เกียรติ ครั้งนี้เขาปรากฏตัวในชุดสูทสีดำที่ดูเป็นทางการมากขึ้น ถึงขั้นที่นายทรัมป์เอ่ยปากชม นายเซเลนสกียังได้หยอกเย้านายไบรอัน เกลนน์ ผู้สื่อข่าวที่เปิดประเด็นเรื่องชุดของเขาในการเยือนครั้งก่อนและครั้งนี้ชมเขาว่าดูดีอย่างเหลือเชื่อว่า นายเกลนน์ยังสวมสูทชุดเดิม เขาเปลี่ยนแล้ว แต่นายเกลนน์ยังไม่เปลี่ยน เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนในห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office)
นอกจากนี้ผู้นำยูเครนยังมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้แก่นายทรัมป์ โดยกล่าวว่า ไม่ใช่ของนายทรัมป์ แต่เป็นของนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ ที่ภริยาของเขาฝากมาให้ ทำให้นายทรัมป์หัวเราะและยิ้มกว้าง พร้อมกับกล่าวว่า อยากได้จดหมายฉบับนี้
นายแมคครีช เล่าถึงผู้นำยุโรป 7 คน ที่มาร่วมการประชุมในช่วงบ่ายวันเดียวกันที่ห้องจัดเลี้ยงรับรองในทำเนียบขาว (State Dining Room) ประกอบด้วยอังกฤษ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ เลขาธิการนาโต และประธานคณะกรรมาธิการยุโรปว่า ที่ผ่านมาแต่ละคนมีวิธีการของตัวเองในการรับมือนายทรัมป์ แต่ครั้งนี้ทุกคนนั่งรวมกันและพยายามรับมือกับนายทรัมป์อย่างเป็นหนึ่งเดียว ด้วยการขอบคุณนายทรัมป์ พร้อมไปกับการนำเสนอข้อเรียกร้องอย่างนุ่มนวลเรื่องการสร้างหลักประกันความมั่นคงที่ยั่งยืนในยูเครนและการหยุดยิงทันที
บรรยากาศที่ดูลื่นไหล มีอันสะดุดลง เมื่อนายฟรีดริช แมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ยืนกรานเสียงแข็งกว่าผู้นำยุโรปคนอื่นๆ ว่าการหยุดยิงเป็นประเด็นสำคัญมาก ทำให้นายทรัมป์รู้สึกไม่พอใจ เพราะหลังจากที่ได้ประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกาของสหรัฐ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เขาได้เปลี่ยนจุดยืนต่อสาธารณะว่าการหยุดยิงไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญของการเดินหน้าเจรจา อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นไม่นานบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงรับรองก็กลับมาชื่นมื่นอีกครั้ง
นายแมคครีชตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งที่ผู้นำสหรัฐพูดถึงผู้นำรัสเซียตลอดการหารือ ผู้นำยุโรปได้แต่ทำสีหน้านิ่ง ราวกับว่าไม่ต้องการถูกย้ำเตือนเรื่องมุมมองของผู้นำรัสเซียแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวสรุปในท้ายบทความด้วยการตั้งคำถามว่า ใครเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้เทคนิคเอาใจนายทรัมป์ได้ดีกว่ากัน ระหว่างนายปูตินหรือผู้นำยุโรป.-814.-สำนักข่าวไทย
