วอชิงตัน 1 พ.ย.- ตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงสุดในรอบ 22 ปีต่อไป เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ให้กระทบเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่ง
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ชี้ว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดหรือเอฟโอเอ็มซี (FOMC) จะแถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมวันที่ 31 ตุลาคม-1 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐว่า จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 5.25-5.50 ต่อไป แต่ไม่มั่นใจว่าเฟดได้ยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
เฟดขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง โดยได้ปรับขึ้นจากร้อยละ 0.25 ในเดือนมกราคม 2565 เป็นร้อยละ 5.50 ในเดือนกรกฎาคม 2566 หวังควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ลงมาที่ร้อยละ 2 ตามเป้าหมาย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวที่ร้อยละ 3.7 ในเดือนกันยายน 2566 หลังจากขึ้นไปสูงกว่าร้อยละ 7 ในเดือนมิถุนายน 2565
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ รวมถึงคนทำงานในเฟดคาดว่า สหรัฐจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้เพราะการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แต่เศรษฐกิจสหรัฐกลับเติบโตเกินความคาดหมาย สะท้อนว่าเฟดสามารถลดอัตราเงินเฟ้อลงได้โดยไม่กระทบต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดแรงงานส่งสัญญาณว่า อ่อนตัวลงในปีนี้แม้ว่าอัตราว่างงานยังคงต่ำใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ก็ตาม.-สำนักข่าวไทย