กทม. 7 มิ.ย. – ตำรวจไซเบอร์สอบปากคำแม่แตงโมนาน 3 ชม. เคลียร์ชัด 30 ประเด็น ปมส่งมือถือให้บังแจ็ค แม่ไม่โกรธโพสต์ภาพในเฟซบุ๊ก-ดูดข้อมูลมือถือก่อนส่งกลับ เพราะมือถือแตงโมไม่มีภาพอะไรเสียหาย
ภายหลังนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม เข้าให้การกับตำรวจไซเบอร์ ในฐานะพยานคดีของกระติก ที่เคยมาแจ้งความเอาผิดผู้ที่โพสต์ภาพและข้อความกล่าวหาตัวเองและบุคคลบนเรือสปีดโบ๊ท พร้อมให้สืบสวนหาบุคคลปริศนา วิดีโอคอลผ่านไลน์หา โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
นางภนิดา เปิดเผยว่า ชีวิตทุกวันนี้สบายดีขึ้น ส่วนโทรศัพท์มือถือแตงโม ไม่ทราบว่าประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญสามารถกู้ได้ เพราะก่อนหน้านี้ติดต่อกับบริษัทเจ้าของมือถือเพื่อให้กู้แล้ว แต่มีผู้สื่อข่าวสำนักหนึ่งแนะนำให้รับโทรศัพท์ของบังแจ็คที่ก่อนหน้านี้พยายามติดต่อมาตลอด จนแม่ตัดสินใจพูดคุยกับบังแจ็ค โดยบังแจ็คอ้างว่าทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือทุกอย่าง และมีบุคคลหนึ่งสารภาพกับบังแจ็ค ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือทั้งหมดเป็นเช่นไร ทำให้แม่ตัดสินใจส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็ค
ส่วนการที่บังแจ็คอ้างว่าโอนเงิน 300,000 บาทให้นั้น ไม่ได้เป็นการจ่ายค่าโทรศัพท์ให้กับนางภนิดา แต่บังแจ็คอ้างว่าเป็นการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านเวสเทิร์นยูเนี่ยนให้กับพยานผู้หญิงคนหนึ่ง เพื่อซื้อข้อมูลเพราะพยานคนนี้อ้างว่ารู้เห็นเหตุการณ์บนเรือทุกอย่าง
ยืนยันแม่ไม่ได้พลาดที่ส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็ค แต่ทำให้แม่รู้อะไรหลายอย่างขึ้น และในโทรศัพท์ก็ไม่ได้มีรูปโป๊ หรือข้อมูลที่ไม่เหมาะสม จึงไม่กังวลในประเด็นนี้ ไม่โกรธโพสต์ภาพในเฟซบุ๊กมองว่าเป็นผลดีที่จะกระตุ้นให้คนบนเรือเปิดปากพูดความจริงเร็วขึ้น และไม่ได้ส่งสิ่งของอย่างอื่นไปอีกนอกจากมือถือ เร็ว ๆ นี้บังแจ็คจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนกลับมาให้ ซึ่งแม่ก็รับทราบว่าบังแจ็คจะสำรองข้อมูลโทรศัพท์ของแตงโมไว้ด้วย
ขณะที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ระบุสาเหตุที่นางภนิดา ยอมส่งโทรศัพท์มือถือให้บังแจ็ค เพราะอ้างว่าสามารถช่วยปลดล็อกโทรศัพท์มือถือของแตงโมได้ ยืนยันไม่มีเรื่องเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้หารือกับนางภนิดา แล้ว เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล พร้อมที่จะเปิดข้อมูลหลักฐานสำคัญทุกอย่าง นอกจากนี้ ตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามหานาฬิกาและสร้อยคอของแตงโมที่หายไป มากกว่าที่จะให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่บังแจ็คกล่าวอ้าง
ทั้งนี้ ยืนยันคำเดิมไม่ให้ราคาบังแจ็คและจะไม่ใช้หลักฐานจากบังแจ็คในการฟ้องตรงก่อนวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เพราะมีหลักฐานเพียงพอแล้ว ซึ่งมีคลิปหลักฐานเด็ดคราบเลือดบนเรือ และวันพรุ่งนี้เตรียมพาแม่ไปพบอธิบดีอัยการภาค 1 เพื่อขอให้สั่งสอบปมคราบเลือดบนเรือ และวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน จะไปร้องเรียน แพทยสภาให้ตรวจสอบจริยธรรมแพทย์คนหนึ่งที่ให้คำแนะนำกับพนักงานสอบสวนคดีนี้ จากนั้นจะเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับเอกชนรายหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องคราบเลือดที่พบบนเรือที่กองบังคับการปราบปราม
ด้าน พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดเผยว่า แม่แตงโมตอบเคลียร์ชัดเจนทุกประเด็น เล่าเหตุการณ์ให้ฟังเป็นลำดับ ตั้งแต่การติดต่อกับบังแจ็คจนถึงส่งมือถือให้ ส่วนความจำเป็นที่ต้องส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็คนั้น เพราะอยากจะรู้ความจริง ซึ่งขอเปิดเผยเท่านี้ เพราะอยู่ในสำนวน โดยภายในสัปดาห์นี้บังแจ็คจะส่งโทรศัพท์กลับคืนมา
ส่วนข้อมูลที่อยู่ในโทรศัพท์จะอยู่ครบหรือถูกเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าขอดูตัวเครื่องก่อน เพราะไม่มั่นใจในตัวบังแจ็ค ซึ่งควรต้องส่งโทรศัพท์กลับมา ส่วนจะมีการซื้อขายโทรศัพท์หรือไม่นั้น ไม่ทราบในเรื่องนี้ แต่ถ้ามีการซื้อขาย ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดี ส่วนโทรศัพท์มือถือแตงโมที่บังแจ็คจะส่งคืนมาได้รับการยินยอมจากนางภนิดาว่าจะส่งโทรศัพท์ให้กับตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบทันที และวันนี้นางภนิดา ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจมอบโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้กับตำรวจไซเบอร์ เพื่อเก็บข้อมูลไว้แล้วเช่นกัน ย้ำตำรวจไซเบอร์สอบเฉพาะประเด็นที่มีการนำภาพในโทรศัพท์มือถือของแตงโมมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์เท่านั้น ส่วนสำนวนคดีหลักเป็นอำนาจการสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งเป็นคนละคดีกัน
ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ หรือ ส.ส.เต้ ซึ่งเดินทางตามมาหลังการสอบปากคำนางภนิดา เสร็จ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาให้กำลังใจนางภนิดา และนายอัจฉริยะ รวมทั้งพูดคุยสอบถามรายละเอียดของเอกสารราชการ และเอกสารทางธุรกรรมต่าง ๆ ที่เป็นหลักฐานเตรียมไว้ฟ้องตรงในคดีฆาตกรรม โดยจะยื่นฟ้องศาลก่อนวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ซึ่งตอนนี้กำลังใจยังดีอยู่ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงมีความพยายามจะสกัดกระบวนการพิสูจน์ความจริง เหมือนกลัวว่ากระบวนการยุติธรรมจะเป็นไปในแนวทางที่ดีขึ้น ส่วนบังแจ็ค ถือเป็นคนที่นางภนิดา ไว้ใจ ก็ต้องรักษาน้ำใจกัน แม้ว่าอัจฉริยะ จะไม่ให้ราคาก็ตาม.-สำนักข่าวไทย