กรุงเทพฯ 16 พ.ค. – โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ เชื่อมั่นผลการประชุมอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรม ย้ำไทยต้องการให้สถานการณ์ความขัดแย้งทั่วโลกยุติโดยเร็ว
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม ย้ำความสำเร็จจากการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐ สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2565 ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเชื่อมั่นว่าเป็นการประชุมแบบพบกันที่ทุกฝ่ายได้หารือถึงแนวทางขับเคลื่อนความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และเห็นผลประโยชน์ร่วมกันในอนาคต มุ่งสู่การเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสในการเดินทางครั้งนี้อย่างคุ้มค่า ได้เน้นย้ำ 3 ประเด็นสำคัญกับสหรัฐ ได้แก่ 1.การส่งเสริมให้สหรัฐมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในภูมิภาค โดยเสนอให้สหรัฐทำงานร่วมกับอาเซียนและผู้เล่นสำคัญในภูมิภาค ให้ความสำคัญกับข้อพิจารณาด้านมนุษยธรรม เยียวยาผู้ที่เดือดร้อนจากทุกสถานการณ์ในโลก
2.ผลักดันเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เสนอให้ไทยและอาเซียนเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐ ในสาขาธุรกิจสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนภาคธุรกิจสหรัฐร่วมลงทุนขยายฐานการผลิตอุตสาหกรรมในไทย ซึ่งบริษัทชั้นนำของสหรัฐหลายบริษัทให้ความสนใจ โดยสหรัฐได้ประกาศจะนำนักธุรกิจคณะใหญ่ที่สุดที่เรียกว่า “เทรดวินด์” (Trade Winds) มาเยือนประเทศสมาชิกอาเซียนในปี 2566 โดยใช้ไทยเป็นฐานการผลิต ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี นวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล และช่วยพัฒนาศักยภาพกำลังคนดิจิทัลในอาเซียน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่ออนาคตของคนรุ่นหลัง
3.นายกรัฐมนตรีชี้ให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่เกิดจากความท้าทาย ได้แก่ วิกฤติพลังงาน สินค้าขาดแคลน และความยากจน ซึ่งต้องเร่งแก้ไขเพื่อให้ประชาชนอยู่รอด และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายธนกร กล่าวเสริมว่า ในการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีระหว่างการหารือระหว่างผู้นำอาเซียนกับประธานาธิบดีสหรัฐ นายกรัฐมนตรีได้แสดงทัศนะส่วนตัวต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศว่าไทยต้องการเห็นสงครามซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บยุติลงโดยเร็ว อย่างไรก็ดี เชื่อมั่นว่าความร่วมมือของทุกฝ่ายจะช่วยหาทางออกให้สถานการณ์คลี่คลายได้ และนายกรัฐมนตรีเห็นว่าทุกฝ่ายควรวางแผนเตรียมการฟื้นฟูและเยียวยาหลังสงคราม ควบคู่ขนานไปกับการดำเนินการเพื่อหาทางยุติสงคราม.-สำนักข่าวไทย