“ณัฐพงษ์” โต้แย้ง “ประธานสภา” ชี้ไม่มีอำนาจแก้ไขเนื้อหาญัตติ

กทม. 10 มี.ค.-“ณัฐพงษ์” ทำหนังสือด่วนที่สุด โต้แย้ง “ประธานสภา” ชี้ไม่มีอำนาจแก้ไขเนื้อหาญัตติ ได้แค่ตรวจสอบข้อบกพร่องเชิงรูปแบบ-ข้อเท็จจริง ยันข้อบังคับไม่ได้ห้ามเอ่ย “บุคคลภายนอก” งัดเอกสาร “วันนอร์” ในอดีต เคยระบุชื่อ “ซีพี” บอกแจ้งช้าเกินกำหนด 7 วัน จี้เร่งบรรจุเข้าระเบียบวาระ

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องข้อโต้แย้งหนังสือให้แก้ไขข้อบกพร่องญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล กรณีใส่ชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงในญัตติ ว่า


ตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ขอให้ข้าพเจ้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะ พิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยอ้างว่าญัตติดังกล่าวมีเนื้อหาระบุรายชื่อบุคคลภายนอก อันอาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอ้างว่ามีข้อบกพร่อง ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 นั้น

ข้าพเจ้า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะ ขอยืนยันว่าญัตติของข้าพเจ้าและคณะไม่มีข้อบกพร่องตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรอ้างแต่ประการใด ดังนี้


ข้อ 1 ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวินิจฉัยว่าเนื้อหาของญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะตามมาตรา 151 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าสมควรมีเนื้อหาอย่างใดมิได้ เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวมิได้ให้อำนาจแก่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการใช้ดุลพินิจวินิจฉัยว่าเนื้อหาของญัตติสมควรจะเป็นประการใด สมควรจะได้รับการบรรจุไว้ในระเบียบวาระการประชุมเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะหรือไม่ หากแต่บทบัญญัติ ดังกล่าวกำหนดอำนาจผูกพันในการใช้อำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ต้องเปิดให้มีการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะเท่านั้น

โดยหากรัฐธรรมนูญประสงค์กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยถึงเนื้อหาของญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติ ไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ หรือมีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัยว่าจะบรรจุไว้ในระเบียบวาระการประชุมเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ

รัฐธรรมนูญจักต้องบัญญัติถ้อยคำที่แสดงถึงอำนาจในการใช้ดุลพินิจของประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างชัดแจ้ง เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 236 ที่บัญญัติให้อำนาจดุลพินิจแก่ประธานรัฐสภาในการพิจารณา เสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาเพื่อตั้งคณะผู้ไต่สวนอิสระเพื่อไต่สวนหาข้อเท็จจริงกรณีมีการเข้าชื่อกล่าวหา ว่ากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติผู้ใดกระทำการตามมาตรา 234(1) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเมื่อมีการยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภาพร้อมด้วยหลักฐานตามสมควรแล้ว


หากประธานรัฐสภา “เห็นว่า” มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำตามที่ถูกกล่าวหา จึงให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องไปยังประธานศาลฎีกาได้

อีกทั้ง ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 176 มิได้ให้ อำนาจแก่ประธานสภาผู้แทนราษฎรในการใช้ดุลพินิจว่าเนื้อหาของญัตติควรจะเป็นอย่างไร หรือมีความ เหมาะสมหรือไม่ กล่าวคือ ข้อ 176 กำหนดให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบว่าญัตติมี “ข้อบกพร่อง” หรือไม่

ทั้งนี้ ข้าพเจ้าและคณะเห็นว่า คำว่า “ข้อบกพร่อง” ในข้อดังกล่าวมีเจตนารมณ์หมายถึงข้อบกพร่องที่ เป็นข้อผิดพลาดในเชิงข้อเท็จจริงหรือรูปแบบ เช่น มีรายชื่อผู้เสนอที่ไม่ครบตามเกณฑ์ที่รัฐธรรมนูญกำหนด ลายมือชื่อของผู้เสนอไม่ถูกต้องตรงกันกับลายมือชื่อจริง ระบุชื่อรัฐมนตรีที่ระบุในญัตติผิดพลาด ไม่ถูกต้อง หรือมีการอ้างถึงมาตราหรือข้อกฎหมายที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน ดังนั้น การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้อำนาจโดยอ้างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 โดยตีความในทางที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ย่อมเป็นการใช้และตีความกฎหมาย ที่ลุแก่อำนาจที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ได้กำหนดไว้ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงและทำลายอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติในการควบคุมตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร

ข้อ 2 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 มิได้มีข้อห้ามมิให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติ ดังนั้น การระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติของข้าพเจ้าและคณะ จึงไม่ได้มีลักษณะเป็นการกระทำผิดหรือฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแต่อย่างใด อีกทั้ง ในอดีตที่ผ่านมา ญัตติที่เสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หลายญัตติก็มีการระบุชื่อของบุคคลภายนอก เช่น ญัตติด่วนของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ฉบับลงวันที่ 26 มิถุนายน 2562 เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษา ตรวจสอบการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) และการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

โดยในเนื้อหาของญัตติ ได้ระบุชื่อบุคคลอื่นซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใด ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (CPH) รายละเอียดปรากฏตามสำเนาญัตติ เรื่อง ขอเสนอญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาตรวจสอบการดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) และการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย (1) และรวมถึงญัตติอื่น ๆ ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย (2)

อีกทั้ง ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 178 กำหนดให้การอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใดที่อาจเป็นเหตุให้บุคคลอื่น ซึ่งมิใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับความเสียหาย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้นั้นต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำนั้นเอง เห็นได้ว่า ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 จึงไม่ได้มีบทบัญญัติห้ามมิให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น หากบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้รับความเสียหายจากการอภิปรายหรือการกล่าวถ้อยคำในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร บุคคลนั้นมีสิทธิร้องขอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลาสามเดือนนับแต่วันที่มีการประชุมครั้งนั้นเพื่อให้มีการโฆษณา คำชี้แจงได้ ตามข้อ 39 แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และมาตรา 124 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อพิเคราะห์ตามเจตนารมณ์แห่งข้อบังคับการประชุมสภา ผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว เห็นได้ว่า ข้อ 39 แห่งข้อบังคับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562และมาตรา 124 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไม่ได้ห้ามการอภิปรายที่มีเนื้อหาพาดพิงถึงบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรหรือบุคคลภายนอก

ในทางตรงกันข้าม ข้อ 39 แห่งข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และมาตรา 124 วรรคสาม แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สามารถถูกตีความเจตนารมณ์ได้ว่า การอภิปรายถึงบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือบุคคลภายนอกนั้น สามารถกระทำได้ เพียงแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้อภิปรายนั้นจะต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำเอง และ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจัดให้มีการโฆษณาคำชี้แจงตามที่บุคคลนั้นร้องขอตามวิธีการและภายในระยะเวลา ที่กำหนดในข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562

ข้อ 3 ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 ข้อ 176 กำหนดให้เมื่อประธานสภา ผู้แทนราษฎรได้รับญัตติตามข้อ 175 แล้ว ให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร แจ้งผู้เสนอทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 ลงวันที่ 7 มีนาคม 2568 แจ้งถึงผลการพิจารณาญัตติของ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เห็นได้ว่า การแจ้งข้อบกพร่องตามข้อ 176 ในหนังสือฉบับดังกล่าวนั้นไม่เป็นไป ตามกรอบระยะเวลาที่ข้อ 176 กำหนด จึงเป็นการแจ้งข้อบกพร่องที่ไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562

ด้วยประธานสภาผู้แทนราษฎรได้รับญัตติของข้าพเจ้าและคณะเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 แต่กลับมีหนังสือแจ้งข้อบกพร่องเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2568 อันเป็นวันที่พ้นระยะเวลาเจ็ดวันตามที่ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 กำหนด จากที่กล่าวมาข้างต้น ข้าพเจ้าและคณะขอยืนยันว่าญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของข้าพเจ้าและคณะนั้น ชอบด้วยข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ดังนั้น จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ พิจารณาบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วที่สุดต่อไป จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการต่อไป.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]